เอมิเลียบังเอิญเจอเข้ากับ “มาเดลิน เอสชาร์ต” ระหว่างที่กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในป้อมปราการของเมืองการ์คลา
มาเดลินทำหน้าเหยเกทันทีที่เห็นเอมิเลีย เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนสู้กันทุกครั้งที่เจอหน้า เพราะงั้นนี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่สองสาวได้คุยกันแบบปกติ
เอมิเลีย: แสดงว่าฉันคงไม่จำเป็นต้องแช่เย็นมาเดลินจนแข็งโป๊กอีกแล้วล่ะเนอะ
มาเดลิน: ――! กะแล้วเชียว เรื่องนั้นเป็นฝีมือของหล่อนเองงั้นเหรอยะ! ร่างกายขยับไม่ได้เลย มันหนาว…หนาวเหน็บจนแทบจะทนไม่ไหว …เหลือเชื่อจริงๆ เลยย่ะ หล่อนเนี่ย!
เอมิเลีย: อึก ขอโทษด้วยนะ ที่จริงก็กะว่าจะละลายให้เรียบร้อยทีหลังอยู่หรอก แต่มาเดลินดันหนีไปกับเมโซเรย์อาก่อน…
มาเดลิน: อย่ามาโบ้ยความผิดให้มกรผู้นี้สิยะ ยัยมนุษย์!
เอมิเลียได้ยินว่ามาเดลินไปเข้าฝั่งพวกผีดิบอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การ์ฟีลผู้เป็นน้องชายที่น่าภาคภูมิใจก็ได้เล่าให้ฟังแล้วว่าสุดท้ายมาเดลินย้ายฝั่งกลับมาช่วยจักรวรรดิ
ปัจจุบันเมโซเรย์อาไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว (ไม่บอกว่าไปไหน) แต่มาเดลินก็ยังคงตัดสินใจเป็นเก้าแม่ทัพเทวะเพื่อปกป้องจักรวรรดิต่อไป
เอมิเลียคาดว่าเมโซเรย์อาคงสำคัญต่อมาเดลินพอๆ กับที่พัคสำคัญต่อตัวเธอ การแยกจากกันจึงไม่น่าใช่เรื่องที่ทำใจได้ง่ายแน่ๆ
มาเดลินบ่นว่าพวกมนุษย์นี่คุยด้วยแล้วปวดหัวตลอด โดยเฉพาะเอมิเลีย ซึ่งฝั่งเอมิเลียเข้าใจผิดว่าคงเป็นเพราะทุกคนกลัวตัวเธอที่เป็นฮาล์ฟเอลฟ์และเกรงใจต่อสถานะผู้ท้าชิงบัลลังก์กษัตริย์
ในเมื่อตัวเอมิเลียเองมิอาจแก้ไขสถานะและรูปลักษณ์ภายนอกได้ เธอจึงตัดสินใจฝึกยิ้มแย้มเข้าไว้ให้ผู้คนรอบข้างผ่อนคลายลงบ้าง
. มาเดลินตัดสินใจรักษาตำแหน่ง “เก้าแม่ทัพเทวะ” เอาไว้ต่อไป เพื่อความมั่นคงของประเทศที่ “บัลรอย เทเมกริฟ” ชายที่เธอรักได้สละชีพเพื่อปกป้องเอาไว้
เอมิเลีย: เสียดายม้ากมากเลยล่ะที่ไม่มีได้โอกาสได้ขอบคุณเขาน่ะ
มาเดลิน: ไม่ต้องสะเออะมาหมายตาคู่ครองของมกรผู้นี้เลยย่ะ
เอมิเลีย: …หมายตา?
มาเดลิน: ต่อให้ไม่ได้รับคำขอบคุณ คู่ครองของมกรผู้นี้ก็จะทำหน้าที่ของเขาให้สำเร็จอยู่ดี กระทั่งจนถึงท้ายที่สุด ก็ยังไม่ปล่อยให้มกรผู้นี้ได้ติดตามไปกับเขาด้วยดังที่ใจปรารถนาเลย
เอมิเลียเข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี เพราะว่าบางทีสุบารุก็ตัดสินใจบางเรื่องโดยไม่ปรึกษาเธอก่อนเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเอมิเลียหรอก
สุบารุและบัลรอยต่างทำไปเพราะความเป็นห่วงล้วนๆ เอมิเลียกับมาเดลินเลยทำใจให้โกรธพวกเขาได้ยากไม่ต่างกัน เอมิเลียจึงตั้งคำจำกัดความให้สองหนุ่มว่า “เด็กขี้โกง”
ทว่า ถึงความรู้สึกที่เอมิเลียกับมาเดลินมีต่อสองหนุ่มขี้โกงจะคล้ายกัน แต่ปณิธานของมาเดลินมันต่างจากเอมิเลียอย่างชัดเจน
เอมิเลีย: ――ฉันน่ะ ไม่อาจอยู่ต่อในประเทศที่พริสซิลล่าอุตส่าห์ปกป้องเอาไว้ได้
. แม้จะผ่านไปแล้วหลายวัน เอมิเลียก็ยังคงทำใจต่อการจากไปของ [สหาย] อย่างพริสซิลล่าไม่ได้
ว่ากันตามตรงคือพริสซิลล่าจากไปก่อนที่เอมิเลียจะสามารถเรียกเธอว่า “สหาย” ได้เต็มปาก การสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างพริสซิลล่า ตัวเธอ และอนาสตาเซียยังคงติดอยู่ในหัวเอมิเลียอยู่เลย
ในขณะที่กำลังเฝ้าฝันถึงอนาคตที่ไม่มีวันเป็นจริง จู่ๆ มาเดลินก็ดึงแขนเอมิเลียให้หัวของเธอก้มลงมาซบอยู่ที่ไหล่ของเจ้าตัว
เอมิเลีย: เอ๊ะ… เอ่อ มาเดลิน? กะทันหันแบบนั้นก็ตกใจหมดสิ…
มาเดลิน: อย่าร้องไห้สิยะ
เอมิเลียพึ่งสังเกตเห็นว่าน้ำตาตนเองกำลังไหลอาบหัวไหล่ของมาเดลินอยู่ เด็กสาวมนุษย์มกรร่างเล็กกำลังช่วยปลอบเอมิเลียที่ตัวสูงกว่าอยู่นั่นเอง
เอมิเลีย: เคยนึกว่า…เราจะเป็นเพื่อนกันได้…
มาเดลิน: …
เอมิเลีย: อุตส่าห์สนิทกับคุณอนาสตาเซียได้… เฟลท์จังกับคุณครูชก็ด้วยที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างที่ควร นึกว่ามีแค่พริสซิลล่าที่ดื้อด้านเหนือใคร… ทั้งที่อุตส่าห์พูดคุยกับพริสซิลล่าคนนั้นได้แล้ว และตั้งใจว่าจะคุยกันอีกเยอะๆ จากนี้ไป… นึกว่าจะชอบพริสซิลล่าได้แล้ว ทั้งที่อยากที่จะชอบเธอแท้ๆ
คำพูดทยอยพรั่งพรูออกมาพร้อมกับน้ำตา ถึงผิวเผยเธอจะดูใจร้าย แต่เอมิเลียอุตส่าห์เข้าใจเนื้อแท้แล้วว่าที่จริงพริสซิลล่าใจดีขนาดไหน
เอมิเลียเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับนิสัยหลายๆ ด้านของพริสซิลล่ามากไปกว่านี้
มาเดลิน: มกรผู้นี้ ――มกรผู้นี้จะปกป้องให้เอง
เอมิเลีย: เอ๋?
มาเดลิน: จักรวรรดิคือประเทศที่บัลรอยยอมปกป้อง มกรผู้นี้จึงมีเหตุผลให้ปกป้องสถานที่แห่งนี้ย่ะ ――เหตุผลที่เธอร้องไห้เอง ก็คงเป็นเพราะว่าอยากที่จะอยู่และตายเพื่อประเทศนี้เหมือนกัน เช่นนั้นแล้ว …มกรผู้นี้จะช่วยปกป้องให้อีกแรงเองย่ะ มกรผู้นี้ทำเรื่องพรรค์นั้นไม่ยากอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับมนุษย์หรอกย่ะ
มาเดลินเอ่ยเช่นนั้นพลางลูบหัวเอมิเลียไปด้วย เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าตาแบบไหนอยู่ แต่เรื่องบางเรื่องก็พูดออกมาได้ยามที่มิได้เห็นสีหน้าของกันและกันเท่านั้น
. เอมิเลียขอบคุณมาเดลิน ซึ่งอีกฝ่ายก็เดาะลิ้นไม่พอใจเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย ตอนนั้นเองที่เอมิเลียเหลือบไปเห็น “ชูลท์” อยู่อีกฟากของทางเดินพอดี
เอมิเลีย: ――อ๊ะ! ดูนั่นสิ มาเดลิน!
มาเดลิน: อุหวา!?
เอมิเลียจึงคว้าเขาของมาเดลินไว้แล้วบิดศีรษะให้เด็กสาวมนุษย์มกรได้เห็นพ่อบ้านตัวน้อยซึ่งเป็นผู้ติดตามของพริสซิลล่าเช่นเดียวกัน
ความตายของพริสซิลล่ากระทบเอมิเลียค่อนข้างหนักแล้ว แต่มันคงเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่คนใกล้ชิดของพริสซิลล่าต้องเผชิญ
เอมิเลียตัดสินใจรีบออกวิ่งไปดูอาการของชูลท์โดยที่มาเดลินรีบวิ่งตามหลังมาด้วย ผมเพ้าและการแต่งตัวของพ่อบ้านน้อยยังคงเรียบร้อยดีอยู่
แต่ดวงตาของเขาแดงก่ำ สีหน้าก็ซีดเซียว ดูท่าทางเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน กระนั้น อย่างน้อยชูลท์ก็ยังทำใจได้มากพอที่จะไม่หมกตัวอยู่ในห้องพักเฉยๆ
เอมิเลียไม่แน่ใจว่าเธอควรปลอบประโลมหรือพูดให้กำลังใจชูลท์ดี แต่ฝั่งชูลท์กลับเป็นฝ่ายที่ชิงออกตัวก่อนว่าเอมิเลียไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาหรอก
เนื่องจากว่าเอมิเลียได้รักษาสัญญาที่ว่าจะพาพริสซิลล่ากลับมาพบตัวเขาไว้แล้ว เอมิเลียอยากที่จะปฏิเสธเรื่องนั้น แต่มันจะทำให้ความรู้สึกของชูลท์และพริสซิลล่าต้องสูญเปล่า
. เอมิเลียพึ่งสังเกตเห็นว่า “อูคาคาตะ” เดินติดตามมาเป็นเพื่อนชูลท์ด้วยเช่นกัน แทนที่จะไปอยู่รวมกลุ่มกับเผ่าชูดราคคนอื่น
อูตาคาตะ: มี(มิเซลด้า)กับทา(ทาริตต้า)ยุ่งอยู่ ซู(สุบารุ)กับอา(อัลเดบารัน)ก็อาการหนัก เหลือแค่อูที่อยู่เป็นเพื่อนชู(ชูลท์)ได้
เอมิเลียกับอูตาคาตะชนหมัดกัน อูตาคาตะชมว่าชูลท์ขยันทำงานแบบนี้ ดวงจิตของพู(พริสซิลล่า)จะต้องหมดห่วงอย่างแน่นอน
ตามความเชื่อของชนเผ่าชูดราค ทุกชีวิตย่อมมีการเวียนว่ายตายเกิด มันเป็นแนวคิดที่คล้ายกับการที่ดวงจิตถูกส่งไปชำระล้างที่โอโด ลากูน่า
แถมยังมีใครบางคนสกัดความทรงจำของแต่ละดวงจิตออกมาบันทึกลงใน [หนังสือแห่งผู้วายชนม์] อีกต่างหาก
ชูลท์ประกาศกร้าวขึ้นว่าพริสซิลล่านั้นรักในสิ่งที่สวยงาม ดังนั้นตัวเขาจะมัวแต่เศร้าซึมไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะกลายเป็นการทำให้พริสซิลล่าเสื่อมเสียชื่อเสียง
เอมิเลียเห็นภาพลวงตาของประกายแสงที่ลอยละล่องลงมาหาชูลท์ ราวกับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าหนุ่มน้อยได้ตัดสินใจเส้นทางชีวิตของเขาอย่างแน่วแน่แล้ว ณ วินาทีนี้
หลังจากนี้ไป ชูลท์คงต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกมากมาย แต่หนุ่มน้อยผู้มีเปลวเพลิงลุกโชนในหัวใจจะไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคใดๆ อีกต่อไปแล้ว
เอมิเลีย: ฉันน่ะ จากนี้ไปก็จะคอยเป็นกำลังให้ชูลท์คุงอยู่เสมอเลยนะ จะช่วยเป็นกำลังให้อย่างแน่นอน
ชูลท์: …ขอบพระคุณมากเลยขอรับกระผม ท่านเอมิลี่
การให้สัญญาปากเปล่าตามใจชอบแบบนั้นอาจทำให้ออตโต้กับรอสวาลไม่พอใจได้ แต่เอมิเลียก็พึงพอใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้
. เอมิเลียกังวลว่าอาณาเขตตระกูลบาริเอลจะเป็นอย่างไรต่อไปเมื่อขาดผู้ดูแล แต่ปัญหานั้นคงจะเป็นเรื่องต้องแก้ไขกันหลังจากที่กลับไปยังลูกุนิก้าแล้ว
เอมิเลียตัดสินใจว่าหลังจากนี้เธอจะไปอยู่เคียงข้างสุบารุกับเรมที่น่าจะเจ็บปวดอย่างหนักจากการตายของพริสซิลล่า แต่เธอถามชูลท์ให้แน่ใจก่อนว่าสมาชิกฝ่ายพริสซิลล่าคนอื่นเป็นอย่างไรกันบ้าง
ชูลท์: เอ่อคือว่า… ท่านอัลเขายังเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องอยู่เลยขอรับ ส่วนท่านไฮน์เคล ตอนนี้กำลังจะเอาน้ำไปให้…
ในมือของอูตาคาตะมีขวดน้ำที่ว่างเปล่าอยู่ นั่นแปลว่าทั้งสองอยู่ระหว่างการไปตักน้ำให้ไฮน์เคลก่อนที่เอมิเลียจะเข้ามาทักแล้วชวนคุยเสียยืดยาด
ตอนนั้นเองที่เอมิเลียได้ยินเสียงใครบางคนร้องเหมือนประหลาดใจ ก่อนที่จะหันไปเจอ “ไฮน์เคล แอสเทรอา” ที่ยอมออกมาจากห้องเองอย่างเหนือความคาดหมาย
ไฮน์เคลอยู่ในสภาพขอบตาดำเหมือนคนนอนไม่พอ เขาเมินเฉยต่อคำทักทายจากชูลท์ แถมยังจดจ้องมายังเอมิเลียด้วยสายตาที่น่าฉงนใจ
ไฮน์เคล: ทะ…ท่านเอมิเลีย!
เอมิเลีย: นี่ สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเลยนะคะ ดื่มน้ำแล้วไปพักผ่อนอย่างที่ชูลท์คุงบอกก่อนดีกว่าไหม แล้วถ้าเกิดว่ายังไม่ได้ทานอะไรเลยล่ะก็ เดี๋ยวจะไปหามาให้นะ…
ไฮน์เคล: ไม่เลย ไม่เลย เรื่องพรรค์นั้นน่ะจะยังไงก็ช่าง …ไม่สิ มันไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญกว่านั้น ท่านเอมิเลีย รบกวนช่วยฟังกันหน่อยเถอะ!
. ไฮน์เคลคว้ามือของเอมิเลียไว้ก่อนที่เธอจะทันได้แตะไหล่เพื่อปลอบใจเขา แถมยังกุมแน่นเหมือนคนที่กำลังจนมุม
ไฮน์เคล: ให้โอกาสชั้น… ให้โอกาสกระผมได้รับใช้ท่านเอมิเลียหน่อยได้ไหมครับ ขอยืนยันเลย! ขอยืนยันเลยว่าจะมีส่วนช่วยต่อการคัดสรรกษัตริย์แน่นอนครับ
เอมิเลีย: ทะ…ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ? บอกซะกะทันหันแบบนี้… คุณน่ะ เป็นผู้ติดตามของพริสซิลล่าไม่ใช่เหรอ?
ไฮน์เคล: มีประโยชน์แน่นอน! กระผมจะเป็นไม้กันหมาให้เองครับ! เพื่อที่จะคว้าชัยในการคัดสรรกษัตริย์ มันมีคู่ต่อสู้ที่จำเป็นต้องบีบให้ยอมวางมืออยู่จริงไหม ตราบใดที่ยังมีหมอนั่นอยู่ ก็ไม่มีใครชนะศึกนี้ได้ แต่ถ้าหากมีกระผมอยู่ด้วยล่ะก็ ไรน์ฮาร์ดไม่กล้าลงมือหรอก――
การโน้มน้าวของไฮน์เคลที่กระวนกระวายสุดขีดทำให้เอมิเลียอึ้งจนพูดไม่ออก เขาพยายามโฆษณาข้อดีตัวเองอย่างหนักจนน่าสมเพช
เอมิเลียเคลือบแคลงใจไว้ก่อนว่าสภาพในปัจจุบันของไฮน์เคลอาจจะเป็นวิธีการทำใจต่อการจากไปของพริสซิลล่าในแบบฉบับของเขาก็ได้
เอมิเลีย: ฉันยังทำใจไม่ค่อยได้…
ไฮน์เคล: เข้าใจครับ แต่พูดจริงนะ! ไม่มีทางเอาชนะไรน์ฮาร์ดได้หรอก หากขาดกระผมไปล่ะก็นะ เพราะงั้นแหละ ท่านหญิงพริสซิลล่าถึงได้รับตัวกระผมไว้ ใช่แล้ว รับรองได้เลยว่าท่านหญิงพริสซิลล่าต้องคิดแบบนั้น ท่านเอมิเลีย! เรามาเติมเต็มเรื่องน่าเสียใจของท่านหญิงพริสซิลล่าด้วยกันเถอะ!
ถ้าหากว่าคำพูดของไฮน์เคลมีความอาลัยอาวรณ์ต่อพริสซิลล่าหลงเหลืออยู่บ้าง เอมิเลียก็คงจะยอมรับฟังเขา แต่อีกฝ่ายดันเมินเฉยกระทั่งสีหน้าเศร้าโศกของชูลท์
เอมิเลีย: พอแค่นั้น――
มาเดลิน: หุบปากไปย่ะ
ตอนนั้นเองที่กำปั้นของมาเดลินต่อยเสยคางไฮน์เคลจนปลิว ร่างของชายผมแดงหล่นกระแทกพื้นและสลบเหมือดคาที่
. มาเดลินเองก็ไม่พอใจต่อทัศนคติของไฮน์เคลเช่นกัน กำปั้นของเธอรุนแรงถึงขนาดที่หากอีกฝ่ายเป็นคนทั่วไปก็คงคอขาดกระเด็นไปแล้ว
ชูลท์รีบเข้าไปดูอาการของไฮน์เคลด้วยความเป็นห่วง แต่มาเดลินรีบดักคอก่อนว่าหมอนี่ถึกทนผิดมนุษย์อยู่แล้ว ตอนที่เธอตั้งใจจะฆ่ายังฆ่าเขาไม่ตายเลย
มาเดลินชี้แจงว่าเธอปฏิญาณที่จะปกป้องจักรวรรดิเท่านั้นและกำชับให้ลากเจ้ามนุษย์นิสัยเสียไปให้พ้นหน้าเธอ เพราะจะไม่มีการเตือนซ้ำสองอีก
เอมิเลียร่ายเวทฟื้นฟูเพื่อปฐมพยาบาลไฮน์เคลไว้ก่อนที่จะพาตัวเขาไปยังห้องรักษา ชูลท์บอกเอมิเลียว่าที่จริงไฮน์เคลก็เศร้าต่อการตายของพริสซิลล่าเหมือนกัน
แถมทั้งสองยังมีสัญญาระหว่างกันซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไฮน์เคลจึงได้ตกอยู่ในสภาพร้อนรนและเข้าตาจนเช่นนั้น
เอมิเลียปลอบใจชูลท์ว่าเธอไม่ได้ติดใจอะไร อูตาคาตะที่อยู่ข้างๆ ชมเชยเธอ คำพูดนั้นทำให้เอมิเลียระลึกได้ว่าตัวเธอสามารถช่วยปลอบประโลมเหล่าผู้เศร้าโศกได้เช่นกัน
เอมิเลีย: ――พริสซิลล่า คนโง่เง่าเต่าตุ่น
ความรู้สึกเหงาหงอยที่กัดกินอยู่ภายในใจทำให้เอมิเลียอดไม่ได้ที่กล่าวตำหนิเพื่อนนิสัยเสียของเธอซึ่งไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนั้นอีกต่อไปแล้ว
. จบตอน