ณ ดาดฟ้าสูงสุดของนครป้อมปราการการ์คลาที่ออกแบบมาเพื่อให้พลธนูประจำการนั้น มีกลุ่มชายฉกรรจ์เกินกว่า 100 คนมารวมตัวกันอยู่อย่างแน่นหนา
สุบารุ: ――ถุย
สุบารุกำลังยืนอยู่กลางพื้นที่เปิดบริเวณเดียวของดาดฟ้าแห่งนั้นในสภาพที่ยับเยินไปทั้งร่าง เลือดกำเดาไหล ตาบวมเป่ง แถมยังเลือดกบปากจนต้องถุยทิ้ง
ร่างของเขาโงนเงนจนแทบจะล้ม แต่สุบารุก็ยังอุตส่าห์กระทืบเท้ายันร่างเอาไว้แล้วเงยหน้ากลับขึ้นมามอง
――ตอนนั้นเองที่กำปั้นอัดกระแทกใส่ดั้งเขาจนร่างของสุบารุกระเด็นไปไกลและกลิ้งกับพื้นอีกหลายตลบ จบลงที่การนอนแผ่หลา
สุบารุ: ยังไหว…อยู่…
อีกฝ่ายคิดว่าเขาคงจะหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มที่ดั้งหักจนเลือดกำเดาไหลกลับยังฝืนลุกกลับขึ้นมาได้อีก คู่ต่อสู้จึงไม่รีรอและเข้าไปซัดสุบารุด้วยกำปั้นต่อเนื่องทันที
. [สุบารุ: นี่คือการแสดงความรับผิดชอบของชั้นเอง เพราะงั้น อย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเด็ดขาดล่ะ]
นั่นคือประโยคที่ “นัตสึกิ สุบารุ” กำชับไว้กับ “เบียทริซ” พาร์ทเนอร์ของเขา ก่อนที่จะเริ่มต้นพิธีกรรม [สปาร์ก้า] สุดป่าเถื่อนขึ้น
เบียทริซจึงต้องฝืนทนดูสุบารุถูก “ไวส์ โลกุน” ต่อยจนหน้าหันหรือหงายหลังล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าพิธีกรรมนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว
สุบารุ: ยัง…ไหว…จัดมาอีก…
นี่ไม่ใช่การดวลเดี่ยวระหว่างไวส์กับสุบารุ แต่เป็นการลงทัณฑ์สุบารุต่อหน้า [หน่วยรบเพลอาเดส] ทั้ง 931 คน ซึ่งมี “ทันซ่า” รวมอยู่ด้วย
ความตายของ “พริสซิลล่า บาริเอล” ส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายรูปแบบ ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับเธอตื้นเขินอย่างเบียทริซต้องทนเห็นพวกพ้องเจ็บปวดโดยที่มิอาจช่วยปลอบประโลมได้
ส่วนผู้ที่สนิทสนมกับเธออย่างลึกซึ้งก็ต้องเจ็บปวดราวกับว่ามีแผลเปิดที่เลือดไหลไม่หยุด ดังเช่น “สุบารุ” ที่เลือกจะลงโทษตัวเองเป็นข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนบาดแผลในใจ
หน่วยรบเพลอาเดสกลายเป็นกำลังรบหลักที่ช่วยกอบกู้จักรวรรดิจากภัยพิบัติเอาไว้ได้ กระนั้นสุบารุก็มิอาจยกโทษให้แก่ตนเองที่หลอกใช้พวกทาสดาบอยู่ดี
นอกเหนือจากสมาชิกหน่วยรบเพลอาเดสแล้ว บนดาดฟ้ามีคนนอกอยู่เพียงสองคน คือ เบียทริซและสปิก้า
. เซซิลุส: ――โอ๊ะ ก็นึกอยู่ว่าคนมารวมตัวอะไรกันตั้งเยอะบนดาดฟ้า พอแวะมาดูถึงรู้ว่าเป็น [สปาร์ก้า] ของบอสเองสินะครับ วันนี้ก็ยังคงตั้งใจรับหมัดเต็มพิกัดเหมือนทุกที วินัยสูงผิดคาดจากที่เห็นจังเลยนะครับเนี่ย
ตอนนั้นเองที่ [อัสนีสีฟ้า] เซซิลุส เซ็กมุนต์ กระโจนตัวขึ้นมาบนดาดฟ้าของป้อมปราการที่สูงกว่า 100 เมตรในพริบตาเดียว และหยุดยืนขาเดียวอยู่บนเฟนส์(รั้วกั้น)
เซซิลุสพล่ามว่าเขายังไม่คุ้นชินกับทันซ่าที่ส่วนสูงเคยเท่ากัน แต่ตอนนี้กลับต่างกันสุดขั้วหลังเจ้าตัวกลับคืนจากร่างชิลเดรน(เด็ก)สู่ร่างสแตนดาร์ด(ปกติ) ส่วนทันซ่านั้นมองว่าจิตใจของเซซิลุสไปไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยสักนิด
เบียทริซมองว่าสิ่งที่สุบารุทำอยู่มันไม่จำเป็น แต่เซซิลุสเห็นต่างว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็นมันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน
เบียทริซอาจเห็นการลงโทษตัวเองของสุบารุเป็นสิ่งไร้ความหมาย แต่สำหรับสุบารุ มันคือการไถ่บาปให้แก่เหล่าสหายร่วมรบที่เขาใช้ตัวตนปลอมหลอกให้มาเข้าร่วมศึก
เพื่อที่จะชดเชยแก่การหลอกลวงหน่วยรบเพลอาเดสทั้ง 931 คน สุบารุเลือกที่จะรับกำปั้นจาก “ไวส์” ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มจำนวน 931 หมัด
เซซิลุส: ต่อให้แบ่งพิธีเป็นหลายวันแล้ว มันก็ตั้ง 900 หมัดอยู่ดีจริงไหม? ขืนโดนอัดมากขนาดนั้นล่ะก็ ต่อให้เป็นผมก็น่าจะตายเหมือนกันนะครับ แต่เดิมทีก็จินตนาการถึงสถานการณ์ที่จะถูกอัดแบบต่อต้านไม่ได้ไม่ออกอยู่แล้ว ความคิดนั้นมันเลยไม่สมเหตุสมผลล่ะนะครับ …ว่าแต่ตอนนี้กี่รอบแล้วเหรอครับ?
ทันซ่า: นับรวมทั้งวันได้เป็น 256 รอบค่ะ
สุบารุกำชับเบียทริซไว้ว่าห้ามรักษาแผลให้เขาระหว่าง [สปาร์ก้า] เด็ดขาด ต้องรอหมดวันก่อนเท่านั้น เบียทริซถึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้เวทมนตร์รักษาได้
. “กุสตาฟ มอเรโล” เฝ้าสังเกตการณ์ [สปาร์ก้า] ของสุบารุอยู่ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันเขาสละตำแหน่งอุปราชแห่งเกาะทาสดาบให้ผู้อื่นไปแล้ว เนื่องจากกุสตาฟต้องมาประจำการที่นครจักรพรรดิในตำแหน่งอื่น
กุสตาฟถามเซซิลุสเรื่องสถานะของอาราเคีย เซซิลุสจึงเล่าว่าปัจจุบันเธอสูญเสียบาลานซ์ระหว่างจิตใจกับร่างกายหลังจากที่กลืนกินมุสเปลเข้าไป
อาราเคียจำเป็นต้องมีจิตใจที่เสถียร เธอจึงจะสามารถคุมพลังของมหาวิญญาณให้อยู่หมัดได้ ทว่า เธอกลับต้องมาสูญเสียพริสซิลล่าที่เป็น “เสาหลัก” ไปอย่างกะทันหัน
เซซิลุสจึงได้รับมอบหมายบทบาทสำคัญที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำได้ มันเป็นบทบาทที่มีชีวิตของชาวจักรวรรดิทั้งมวลเป็นเดิมพัน ซึ่งก็คือการยับยั้งอาราเคียตอนที่เธออาละวาดนั่นเอง
พ้นจากปราการทางทิศตะวันตกจะมีทุ่งร้างซึ่งมีร่องรอยของภัยธรรมชาติที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ อยู่จำนวนมาก มันคือร่องรอยจากการอาละวาดของอาราเคีย
หากปล่อยอาราเคียที่มีสภาพจิตใจย่ำแย่ไว้เพียงลำพัง เธออาจจะกลายเป็น [มหาภัยพิบัติ] ลำดับที่ 2 ได้เลย เซซิลุสจึงเป็นคนเดียวที่สามารถแบกรับบทบาทนี้ได้
เซซิลุสเปรียบเทียบว่าความทุกข์ทรมานของอาราเคียและรู้สึกอยากไถ่บาปของสุบารุมีรากฐานคล้ายกัน มันคือธรรมชาติของมนุษย์ที่มิอาจหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้
สิ่งที่สุบารุทำอยู่จึงเป็นดั่งการแสดงจุดยืนหรือฉากอวดความเท่ตามมุมมองของเซซิลุส
. ไวส์: แฮ่ก… แฮ่ก… จบสักที…
ในที่สุดกำปั้นของไวส์ก็ซัดสุบารุจนนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นได้สำเร็จ เขาหายใจเหนื่อยหอบและลดกำปั้นที่เปื้อนเลือดลง ในขณะที่เบียทริซรีบวิ่งเข้าไปรักษาสุบารุโดยทันที
เบียทริซ: รอก่อนกระมัง จะรักษามือของนายให้ด้วยย่ะ
ไวส์: ไม่จำเป็น… ให้ความสำคัญกับชวาร์ซก่อนข้าไปเถอะ…
เบียทริซ: ไม่ยอมหรอกกระมัง สปิก้า
สปิก้ารีบไปกางแขนและยืนขวางไวส์ตามที่เบียทริซสั่งโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้เธอได้รักษาไวส์กับสุบารุไปพร้อมๆ กัน
ทันซ่าสรุปจำนวนกำปั้นที่สุบารุรับไปทั้งหมดว่าอยู่ที่ 258 หมัด นั่นแปลว่ายังเหลืออยู่อีก 673 หมัดที่สุบารุต้องทนรับก่อนจะสิ้นสุดการลงทัณฑ์
เฮียอินเกลี้ยกล่อมไวส์ว่าสุบารุถูกลงโทษมามากพอแล้ว แต่ไวส์สวนกลับว่าเขาไม่ได้เสียสละรับบทบาทนี้แทนทุกคนเพื่อที่จะมาล้มเลิกแค่กลางคัน
สุบารุต้องการถูกลงทัณฑ์และไวส์ก็คือคนที่อาสาลงโทษทั้งที่ไม่ได้อยากทำ กุสตาฟจึงมองว่าตราบใดที่เจ้าตัวต้องการสิ่งนี้และวิญญาณคู่หูอย่างเบียทริซหรือทันซ่าไม่ได้คัดค้าน คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ไปหักห้าม
ไวส์: ข้าจะทำต่อ… ต่อให้กำปั้นจะแหลก ก็จะขอต่อยอีก 600 กว่ารอบให้ครบ!
เซซิลุส: เยี่ยมไปเลยครับ เด็ดจริงๆ วิธีเล่นฉากอวดความเท่มันต้องแบบนี้แหละครับ คุณไวส์
ประโยคนั้นของเซซิลุสทำให้ทุกคนบนดาดฟ้าพากันอ้ำอึ้งไปหมด โดยเฉพาะไวส์ที่ตกตะลึงเป็นพิเศษ
ไวส์: นึกไม่ถึงเลย ว่าเอ็งจะจำชื่อของข้าได้ด้วยน่ะ…
เซซิลุส: ผมเป็นคนขี้ลืมก็จริงอยู่แหละครับ! แต่ก็พยายามจำชื่อของนักแสดงที่ควรค่าให้จดจำอยู่เหมือนกันนะครับ
. ไวส์ชำเลืองมองใบหน้าของสุบารุอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจเดินจากมา เหล่าทาสดาบพากันเดินลงจากดาดฟ้าตามเขาทั้งอิโดร่า เฮียอิน และกุสตาฟ
กุสตาฟพยายามเรียกชื่อ “สุบารุ” แทนชื่อ “ชวาร์ซ” แต่ก็ยังชินกับชื่อหลังมากกว่าอยู่ดี เบียทริซจึงบอกว่าพวกกุสตาฟเรียกสุบารุว่า “ชวาร์ซ” แบบเดิมต่อไปก็ได้
ไม่จำเป็นต้องทอดทิ้งวิธีการเรียกชื่อแบบพิเศษที่รับรู้และคุ้นชินกันแค่วงใน เพราะเบียทริซมองว่าสุบารุก็คงไม่ติดใจอะไรหรอก
เบียทริซสงสัยว่าทำไมทันซ่าถึงไม่ไปอยู่เคียงข้างยอร์น่า เพราะว่าเธอคนนั้นก็กำลังเจ็บปวดจากความตายของพริสซิลล่าซึ่งเป็นลูกสาวในชาติก่อนๆ อยู่เหมือนกัน
ปรากฏว่ายอร์น่ากำชับกับทันซ่าไว้แล้วว่าตนเองสบายดี ไม่จำเป็นต้องห่วง แม้ว่าทันซ่าจะมองออกว่านั่นคือคำโกหกก็ตาม
แต่ว่าเธอเลือกที่จะเคารพต่อการตัดสินใจของนายหญิงที่กำลังต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อทำใจ เฉกเช่นเดียวกับที่เบียทริซเคารพการลงโทษตัวเองของสุบารุ
. สุบารุเริ่มลืมตาตื่นขึ้นมา หลังเข้าใจสถานการณ์ว่าเบียทริซกำลังรักษาตนอยู่ สุบารุก็รีบขอโทษเบียทริซเรื่องที่เขามักทำให้เธอต้องเป็นกังวลอยู่เสมอ
ที่จริงเบียทริซอยากรักษาให้นานกว่านี้ แต่ใบหน้าที่บวมเป่งของสุบารุก็ยุบหายไปเยอะแล้ว แถมเจ้าตัวยังแข็งแรงจนลุกมาเต้นรำและพูดหยอกล้อกับสปิก้าได้
ตั้งแต่ที่สุบารุกลับเป็นผู้ใหญ่ ทันซ่าก็เปลี่ยนมาเรียกเขาว่า “ท่านนัตสึกิ สุบารุ” ซึ่งไม่คุ้นหูเขาเอาเสียเลย แถมเจ้าตัวยังดึงดันที่จะเรียกแบบนั้นนับแต่นี้ไป
การได้เห็นสุบารุพูดจาหยอกล้อกับสปิก้าและทันซ่าอย่างร่าเริงทำให้เบียทริซแอบกังวล เพราะเธอรู้ดีว่าสุบารุแสร้งทำเป็นร่าเริงเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดให้เหล่าคนสนิทสบายใจ
เบียทริซรักนิสัยด้านนั้นของสุบารุ แต่มันต้องไม่เกินขอบเขตที่เข้าข่ายการฝืนตัวเอง เพราะไม่ว่าใครก็ไม่สมควรที่จะเก็บซ่อนน้ำตาและความเจ็บปวดไว้ทั้งนั้น
ทันซ่าก็ดูท่าจะเข้าใจสถานการณ์เช่นเดียวกัน แต่ว่าเธอเองก็ส่ายหน้าให้เบียทริซ เนื่องจากไม่รู้ว่าควรกล่อมสุบารุให้เข้าใจอย่างไรดี
ตอนนั้นเองเซซิลุสที่เงียบมาสักพักก็เอ่ยสอดขึ้นมาว่าเขามีเรื่องที่อยากคุยกับสุบารุอยู่ แต่ฝั่งสุบารุสงสัยขึ้นมาก่อนว่าอาราเคียหายไปไหนแล้ว
เซซิลุส: ถ้าอาเนียล่ะก็ กำลังนอนหลับอยู่ในเครเตอร์(หลุมยุบ)ไงล่ะครับ พลังของ [ก้อนศิลา] ทำให้ดีกรีความโกงกับความถึกทนของเธอเพิ่มสูงขึ้น จนต้องฆ่าไปเป็นร้อยครั้งเลยครับเนี่ย แต่คิดว่าคงไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาอีกสักพักแหละครับ แล้วที่สำคัญกว่านั้นนะครับ
เซซิลุสกระโดดลงมาจากรั้วกั้นแล้วฉีกยิ้มก่อนที่จะเอ่ยต่อว่า…
เซซิลุส: อีกเดี๋ยวพวกบอสก็จะกลับราชอาณาจักรกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ? ก่อนหน้านั้นช่วยต่อยใต้เท้าจนหน้าหันให้เห็นสักครั้งก่อนจะได้ไหมครับ?
. สุบารุเคยคุยโม้เอาไว้ที่เกาะกินุนไฮฟ์ว่าจะนำหน่วยรบเพลอาเดสบุกนครจักรพรรดิ เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไปต่อยหน้าวินเซนต์
เซซิลุสยังจดจำเรื่องนั้นได้และอยากเห็นมันเกิดขึ้นกับตาตัวเอง เขาจึงลากพวกสุบารุมาที่ห้องทำงานของวินเซนต์พร้อมเพรียงกันโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของจักรพรรดิเลยสักนิด
วินเซนต์ที่กำลังวุ่นอยู่กับงานเอกสารไล่เซซิลุสกลับไป แต่เจ้าหนุ่มผู้ไม่สนโลกกลับหย่อนก้นนั่งทับเอกสารบนโต๊ะทำงานของจักรพรรดิหน้าตาเฉย
เซซิลุสพยายามโน้มน้าวให้วินเซนต์พักผ่อนจากงานบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ชมวินเซนต์ต่อยกับสุบารุ แต่การโน้มน้าวก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เซซิลุสลองขอให้จักรพรรดินี “มีเดียม” ที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับสปิก้าที่โซฟาภายในห้องทำงานช่วยกล่อมวินเซนต์อีกแรง แต่มีเดียมเข้าใจความสำคัญของงานที่วินเซนต์ทำอยู่และเธอก็ไม่อยากเห็นสุบารุกับวินเซนต์ทะเลาะกัน
วินเซนต์ถอนหายใจและล้มเลิกความพยายามที่จะดึงเอกสารที่เซซิลุสนั่งทับอยู่ออกมา เขาหันไปเรียกสุบารุที่มัวแต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางเข้าแทน
พอสุบารุกับเบียทริซหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา มีเดียมก็เทชาใส่แก้วให้แก่ทั้งพวกสุบารุและวินเซนต์ สุบารุยังคงแทบไม่เชื่อสายตาว่าวินเซนต์กับมีเดียมกลายเป็นคู่รักกันไปแล้ว
อย่างน้อยฟล็อปไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงินหรือยศถาบรรดาศักดิ์ จึงอุ่นใจได้เลยว่าเขามองเห็นข้อดีบางอย่างในตัววินเซนต์ ถึงได้ยอมยกน้องสาวให้
. วินเซนต์ทักขึ้นว่าช่วงนี้เขาเห็นสุบารุหมกมุ่นอยู่กับการทำพิธีกรรม “ไถ่บาป” ประหลาดร่วมกับพวก “นักโทษแหกคุก” จากเกาะกินุนไฮฟ์
สุบารุไม่ชอบคำเรียกนั้น แต่ในมุมมองของวินเซนต์ ทุกคนที่ถูกส่งตัวไปยังเกาะทาสดาบย่อมล้วนแต่เคยก่อความผิดบางอย่างเอาไว้ “นักโทษแหกคุก” จึงเหมาะสมแล้ว
พอบรรยากาศระหว่างสองหนุ่มเริ่มตึงเครียดขึ้น มีเดียมก็เข้ามาห้ามมวยด้วยการเฉลยว่าวินเซนต์จงใจเลี่ยงไม่บอกตรงๆ
ที่จริงผลงานของสมาชิกหน่วยรบเพลอาเดสในศึกใหญ่ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาได้รับการอภัยโทษจากวินเซนต์ตามคำร้องขอจากกุสตาฟอยู่แล้ว
สุบารุ: ยะ…หยอกเล่นกับจิตใจคนอื่นเขาด้วยปัญหาที่สะสางไปแล้วมันสนุกนักรึไงฟะ!
ระหว่างที่สุบารุกำลังโวยวายอยู่ เบียทริซก็เฉลยให้เซซิลุสรู้ว่าที่จริงสุบารุเคยต่อยหน้าวินเซนต์มาแล้ว เซซิลุสถึงกับร้องเหวอด้วยความเสียดายที่เขาพลาดฉากเด็ด
ประเด็นคือถ้าหากสุบารุเคยต่อยวินเซนต์ไปแล้ว ทำไมเขาถึงยอมถ่อมาถึงห้องทำงานจักรพรรดิตามใจเซซิลุสด้วยล่ะ แค่โบกมือปฏิเสธเหมือนอย่างทันซ่าก็ได้แท้ๆ
แถมพอเซซิลุสถามประเด็นนั้น สุบารุก็อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรต่อ
. หลายวันที่ผ่านมาสุบารุจงใจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับวินเซนต์ ยอร์น่า และสมาชิกฝ่ายพริสซิลล่า เนื่องจากไม่กล้าสู้หน้าบุคคลเหล่านั้น
การได้เซซิลุสช่วยลากตัวเขามายังห้องทำงานของวินเซนต์ จึงกลายเป็นข้ออ้างแสนสะดวกให้สุบารุกล้าเผชิญหน้ากับวินเซนต์เสียที
วินเซนต์: ในที่สุดก็มาพบเราผู้นี้… กล้าเสนอหน้ามาพบข้าเสียทีงั้นหรือ
แน่นอนว่า [จักรพรรดิปราชญ์] วินเซนต์ วอลลาเคีย มองเรื่องนั้นออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
สุบารุ: อาเบล ขอโทษ――
วินเซนต์: ――เมื่อครู่ เจ้าตำหนิข้าเรื่องปัญหาที่สะสางไปแล้วสินะ
สุบารุ: เอ๋…
วินเซนต์: ทว่า หากถามข้าล่ะก็ คนที่มัวแต่ยึดติดกับปัญหาที่สะสางไปแล้วน่ะ มันคือเจ้าเองนั่นแหละ
สุบารุอ้ำอึ้งไปสักพัก ก่อนที่เขาจะเริ่มคิดตามความหมายที่วินเซนต์ตั้งใจจะสื่อทัน ใบหน้าของเขาจึงบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ เศร้าโศก และขุ่นเคืองโดยทันที
สุบารุ: ปัญหาที่สะสางไปแล้วเหรอ… บ้าบอ…พูดเรื่องบ้าบออะไรอยู่น่ะ!
วินเซนต์: ก็ปัญหาทั้งหลายแหล่ที่เจ้ากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ยังไงเล่า ทั้งการไถ่บาปให้แก่พวกทาสดาบเอย หรือท่าทีที่แสดงต่อข้ากับยอร์น่า มิชิกุเระเอย และที่สำคัญ――
สุบารุ: อย่านะโว้ยยย!!
. สุบารุลุกขึ้นยืนจากโซฟาและพยายามจะเข้าไปกระชากวินเซนต์เพื่อบังคับให้เขาหยุดพูด แต่แล้วเซซิลุสกลับมายืนขวางเขาเอาไว้
สุบารุ: อย่ามาขวางสิ เซสซี่! อยากเห็นชั้นต่อยอาเบลไม่ใช่รึไง!
เซซิลุส: อา ใช่เลยครับ ถูกต้องแล้วครับ แต่ว่าที่อยากเห็นน่ะคือ [สปาร์ก้า] ระหว่างบอสกับใต้เท้าต่างหาก ไม่ได้อยากเห็นการ์ดที่ทั้งบุ่มบ่ามและน่าเบื่อแบบนี้เลยครับ
นี่ถือเป็นสถานการณ์หายากที่เบียทริซรู้สึกเข้าข้างเซซิลุสและวินเซนต์มากกว่าสุบารุผู้เป็นคู่หูของเธอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเลือกวิธีการพูดตรงๆ ที่ค่อนข้างโหดร้ายก็ตาม
วินเซนต์: ――พริสซิลล่าน่ะตายจากไป จนเป็นเพียงอดีตแล้ว
สุบารุ: ――อาเบลลลล!!
สุบารุจ้องวินเซนต์ตาเขม็ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
สุบารุ: พริสซิลล่าน่ะเป็นน้องสาว… เป็นน้องสาวของนายไม่ใช่รึไง แต่ถึงอย่างนั้น นายกลับ…
วินเซนต์: ถูกต้อง เจ้านั่นคือน้องสาวของข้าเอง ทั้งเจ้าเล่ห์และก๋ากั่นมาตั้งแต่เด็ก แถมยังมาด่วนจบชีวิตลงก่อนที่จะได้แก้นิสัยเสียพวกนั้นอีก …การสูญเสียพริสซิลล่าทิ้งบาดแผลไว้ภายในตัวข้า ไม่ต่างจากคราวที่เสียจิชาไปเลย ไม่คิดจะปกปิดเรื่องนั้นหรอก
ภายใต้หน้ากากของจักรพรรดิผู้ภาคภูมิ วินเซนต์เองก็เจ็บปวดรวดร้าวเพราะสูญเสียน้องสาวคนเดียวที่เขาหวงแหนไปเช่นกัน สุบารุไม่รู้เลยว่าควรเค้นคำพูดใดออกมาปลอบใจวินเซนต์ที่กำลังกุมหน้าอกอยู่ดี
วินเซนต์: นี่มันเป็นเรื่องของข้าเอง เจ้ามิได้เกี่ยวอะไรด้วย มันคือเรื่องระหว่างข้ากับพริสซิลล่า รู้เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ยังอยากจะสอดนิ้วเข้ามายุ่งอยู่อีกงั้นหรือ?
สุบารุ: ปะ…เปล่า ไม่ใช่… ไม่ใช่หรอก เปล่าเลย… เปล่าเลย แต่ก็…
. คำพูดของวินเซนต์ทำให้สุบารุสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขากลับเข้าสู่สภาวะอ้ำอึ้งแทน แต่วินเซนต์ก็ไม่รีรอและยิงคำถามต่อทันที
วินเซนต์: นัตสึกิ สุบารุ ――ในตอนท้ายสุด สิ่งที่พริสซิลล่าบอกแก่เจ้าคืออะไร?
สุบารุ: …
วินเซนต์: หากมันคือคำสาปแช่งล่ะก็ ข้าจะกระซวกสิ่งที่อยู่ภายในเจ้าออกมาเอง แต่ถ้าหากมิใช่ล่ะก็… มันก็คือผลสัมฤทธิ์ของช่วงเวลาที่เจ้ากับพริสซิลล่าใช้ร่วมกัน ยอมรับของดูต่างหน้าจากน้องสาวของข้าเอาไว้ แล้วจงเปลี่ยนให้มันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าเสีย ――นั่นแหละคือทางออกของปัญหาล่ะ
ความคิดแง่ลบว่าตัวเขาควร “ชดเชยความผิด” อย่างไร คือรากฐานของพฤติกรรมอยากลงโทษตัวของสุบารุช่วงหลายวันที่ผ่านมา และวินเซนต์พึ่งจะชี้ให้เห็นว่ารากฐานนั้นมันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว
สุบารุ: พริสซิลล่าน่ะ… บอกว่าชั้น… เป็นอัศวินอย่างแท้จริง
วินเซนต์: เช่นนั้น สิ่งที่พริสซิลล่ามอบให้แก่เจ้าก็มีเพียงเท่านั้นแหละ ――ต้องขอเชยชม นัตสึกิ สุบารุ
ประโยคนั้นชำระล้างความโกรธและความเศร้าที่ก่อตัวอยู่ภายในใจเขาจนหมดสิ้น อารมณ์อื่นที่เก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ล้นทะลักออกมาแทนที่โดยทันที
สุบารุ: เบีย…ทริซ… ชั้นน่ะ… ชั้นน่ะ…
เบียทริซ: ไม่เป็นไรนะยะ เบ็ตตี้น่ะ… ทั้งเบ็ตตี้ ทั้งเอมิเลีย และทุกคนน่ะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยกระมัง
นับตั้งแต่เช้าวันที่เธอคนนั้นจากไป ในที่สุดเสียงของเบียทริซก็ส่งไปถึงสุบารุเสียที สุบารุที่น้ำตาคลอเบ้าเข่าทรุดลง เขาเอื้อมมือไปกอดเบียทริซเอาไว้
เบียทริซกอดสุบารุกลับและมองดูไปรอบห้อง เซซิลุสยอมเงียบปากไม่สอดไปมากกว่านั้น มีเดียมที่กอดสปิก้าอยู่น้ำตาไหลตาม
สิ่งหนึ่งที่สุบารุอดเห็นคือสีหน้าของวินเซนต์ที่ดูต่างออกไปจากทุกที มันคือสีหน้าแสดงความเคารพต่อผู้คนที่สามารถหลั่งน้ำตาให้แก่น้องสาวสุดที่รักแทนที่เขาได้
. จบตอน