re zero webnovel arc9 chapter41 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 41 "จงป่าวประกาศต่อผู้แย่งชิง"

“พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่ดื่มสุราไปชั่วชีวิตค่ะ”

.

ต่อจากกลยุทธ์แฟลชเรมเนด แผนการขั้นที่สองของพวกเพทร่าคือการจับแยกกลุ่มอัลที่มีสมาชิกแสนทรงพลังให้แตกกระเจิง

เพทร่า: ――นี่คือศึกชี้ชะตาค่ะ ช่วยยอมโดนเล่นงานจนย่อยยับแต่โดยดีเถอะนะ

หลังจากที่อัลหายตัวไปอย่างลึกลับ สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วก็ได้มาถึงจุดแตกหักเพราะคำประกาศนั้นและการปรากฏตัวของกำลังรบจำนวนมาก

[มังกรเทพ] วอลคานิก้า [ตะกละ] รอย อัลฟาร์ด และไฮน์เคลต่างเริ่มเคลื่อนไหว แต่การกระทำเป็นแบบตัวใครตัวมัน ไร้ความเป็นหนึ่งเดียว

แผนการเรียกกำลังรบมากระจุกตัวกันเช่นนี้ย่อมมีริสค์ที่จะถูก [มังกรเทพ] เป่าทิ้งในรวดเดียวอยู่ แต่เพทร่าได้ประเมินความเสี่ยงนั้นไว้แล้ว

เพทร่าคาดเดาว่าสาเหตุที่วอลคานิก้าผู้สติเลอะเลือนย้ายข้างอย่างกะทันหันอาจจะเป็นเพราะว่าฝั่งอัลได้ใช้วิธีการเดียวกับสถานะปัจจุบันของเธอ

เช่นเดียวกับที่จิตใต้สำนึกของเพทร่ามีนัตสึกิ สุบารุอยู่ จิตใต้สำนึกของวอลคานิก้าเองก็มี [อะไรบางสิ่ง] แทนที่อยู่จากการใช้ [คัมภีร์ผู้วายชนม์]

. ตัวตนที่สิงอยู่ในจิตใต้สำนึกของ [มังกรเทพ] น่าจะเป็นพรรคพวกที่มีอุดมการณ์แรงกล้าร่วมกับอัล เขาถึงได้กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับโลก

――เพทร่าจึงเลือกที่จะเสี่ยงเดิมพันว่าตัวตนภายในวอลคานิก้าน่าจะยึดถือคติ [ไม่สังหาร] เช่นเดียวกับอัลด้วย

[มังกรเทพ] ง้างกรามของมันออก แต่แทนที่จะพ่นลมหายใจที่เป็นแสงทำลายล้างออกมา มันกลับพ่นหมอกวารีพิสุทธิ์ที่สร้างขึ้นจากมานา

เพทร่าและเหล่าสมาชิกกลุ่มรวมตัวเฉพาะกิจ [อัลเดบัสเตอร์ส] ถูกหมอกชโลมจนเปียกปอน ตามมาด้วยเสียงอากาศแตกและน้ำแข็งที่เริ่มก่อตัวบนร่าง

รอสวาล: ――อุล โกอา

แต่ก่อนที่ [อัลเดบัสเตอร์ส] จะถูกแช่แข็งเป็นหมู่คณะ บุคคลหนึ่งก็ชูนิ้วขึ้นมา จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็ปัดเป่าหมอกหนาและละลายน้ำแข็งทิ้ง

ผู้ที่ขัดขวางการโจมตีของ [มังกรเทพ] ด้วยมนตร์บทเดียวคือจอมเวทนิสัยเสียผู้เก่งกาจที่สุดในราชอาณาจักร รอสวาล L เมเธอร์ส

ยิ่งเป็นเวทมนตร์ระดับสูงก็ยิ่งควบคุมได้ยาก แต่รอสวาลกลับใช้มนตร์ระดับ “อุล” ละลายน้ำแข็งและเป่าเสื้อผ้าของพรรคพวกให้แห้งไปพร้อมกัน แถมยังไม่มีใครถูกเผาไหม้เลยด้วย

คลินด์: ที่คุณควรจะสนใจคือทางนี้ต่างหากครับ ‘ใส่ใจ’

ระหว่างที่ [มังกรเทพ] มัวแต่ผงะ คลินด์ก็ดีดตัวขึ้นสู่กลางอากาศไปเตะอัด [มังกร] จนหน้าหันและสูญเสียการทรงตัว ลูกเตะของเขารุนแรงพอๆ กับการ์ฟีลเลย

. ระหว่างที่รอสวาลกับคลินด์ประสานคอมโบกันสยบ [มังกรเทพ] บิชอปมหาบาป [ตะกละ] รอย อัลฟาร์ดก็แยกเขี้ยวที่น้ำลายไหลท่วม

รอย: ฮ่าฮ่า! เรียงหน้าของน่าอร่อยให้เสร็จสรรพแบบนี้ นี่มันคือความรักงั้นสิเนอะ

ต่างจาก [มังกรเทพ] ที่โจมตีหมู่ รอยนั้นมีเป้าหมายที่เล็งไว้เฉพาะอยู่ เพราะงั้นเขาจึงกระโจนตัวเข้าไปกลางวงกลุ่มอัลเดบัสเตอร์สด้วยความเร็วอันเหนือชั้น

รอย: ――รัม

รอยเข้าถึงเป้าหมายผู้เป็นเมดผมสีชมพู เขาเอื้อมมือไปสัมผัสบางสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ประกาศชื่อของเหยื่อขณะสบตากัน จากนั้นก็โลมเลียฝ่ามือ

รอย: อุแหวะ

แต่แทนที่โศกนาฏกรรมจากอำนาจบาป [ตะกละ] จะเริ่มส่งผล รอยกลับรู้สึกคลื่นไส้จนตาเบิกกว้าง นี่คืออาการบ่งชี้ว่า [อุปราคา] ล้มเหลว

รัม: โง่จริงนะ

ตอนนั้นเองที่รัมหมุนตัวอย่างสง่างามและตีเข่าเสยเข้าใส่ปลายคางของเจ้าบิชอปมหาบาปอย่างรุนแรง

. ไฮน์เคล: แม่งเอ๊ยแม่งเอ๊ยแม่งเอ๊ย! …อุตส่าห์มาถึงขั้นนี้แล้ว!

ในขณะที่ [มังกรเทพ] และ [ตะกละ] เลือกจู่โจมทั้งคู่ ฝั่งไฮน์เคลที่กำดาบอยู่ในมือกลับเลือกที่จะถอยทัพไปตั้งหลักและหวังให้คนอื่นจัดการปัญหา

แฟรม: อย่าหวังว่าจะราบรื่นแบบนั้นเชียวนะคะ ท่านเจ้าบ้าน

กราซิส: ท่านเจ้าบ้านคะ ที่จริงแล้วอยากทำแบบนี้มาตลอดเลยล่ะ

ทันใดนั้นเอง คู่แฝดแฟรมและกราซิสซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ตั้งแต่ที่เคลื่อนย้ายมาด้วย [บีบอัด] ก็ปรากฏตัวออกมา

ไฮน์เคล: อ่อก…

สองแฝดเตะอัดแผ่นหลังและหน้าท้องของชายผู้เป็นเจ้าบ้านของตระกูลที่พวกเธอรับใช้แบบประกบคู่ด้วยลูกเตะที่เสริมแรงจาก [ครรลองสายธาร]

แรงปะทะที่ทรงพลังพอจะบีบอัดอวัยวะภายในส่งผลให้ไฮน์เคลตาเหลือกและส่งเสียงโอดครวญเหมือนคนปางตาย

【สุบารุ: ――เกมเชนจ์(เกมเปลี่ยน)แล้ว】

พอได้เห็นสถานการณ์รุกรับทั้งสามศึกย่อยเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ อิมาจินารี่สุบารุก็ดีดนิ้วอย่างพึงพอใจ แม้จะมีเพียงเพทร่าได้ยินแค่คนเดียว

แผนการขั้นต่อไปคือการใช้ [บีบอัด] เพื่อแยกกลุ่มอัลให้แตกกระเจิงเสียยิ่งกว่าเดิมไปอีกระดับหนึ่ง

. เพทร่า เลย์เตรู้ซึ้งดีว่ากลุ่มอัลน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน พวกเขาเอาชนะไรน์ฮาร์ดกับฝ่ายเฟลท์มาได้ แถมยังดำเนินปฏิบัติการแหกคุกให้ [ตะกละ] ได้สำเร็จ

จริงอยู่ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดของอัลแต่ละคนอันตรายมาก แต่บุคคลที่เป็นภัยระดับสูงสุดก็คือตัวอัลซึ่งเป็นผู้ถือครองพลังในการเปลี่ยนโชคชะตาและผลลัพธ์ได้ตามใจ

อิมาจินารี่สุบารุมองว่าอัลคือเวอร์ชั่นอัปเกรดของตัวเขาเอง เพราะนอกจากพลังแนวไทม์ลีปแล้ว อัลก็ยังมีทักษะการต่อสู้ที่เหนือกว่าตัวเขา

เพทร่าพยายามปลอบใจว่าสุบารุตอนมีเบียทริซอยู่ด้วยเองก็เก่ง แถมเขายังฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์พอๆ กับออตโต้

กระนั้น [สุบารุ] ก็ยังตัดพ้อว่าสกิลแนวนั้นไม่มีผู้แข็งแกร่งที่ไหนเขาอวดกัน แถมตัวเขาร่างหลักกับเบียทริซก็ยังถูกอัลเล่นงานจนเสียท่าได้อยู่ดี

. อย่างไรก็ตาม ปู่รอมได้ตั้งทฤษฎีน่าสนใจว่าไทม์ลีปของอัลอาจจะเป็นการย้อนเหตุการณ์กลับได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

เพทร่าเองก็เห็นพ้องว่าถ้าหากอัลมีพลังเหมือนสุบารุเป๊ะจริง เขาก็น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มของเฟลท์และปู่รอมได้ตั้งแต่แรก

แต่ [สุบารุ] ยังคงแอบกังขา เนื่องจากจุดรีสตาร์ทของเขาเองก็เคยย่ำแย่จนหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้ เหมือนคราวที่เพเทลกิอุสหมายเอาชีวิตเอมิเลีย

ณ ตอนนั้นสุบารุสามารถกำจัดเพเทลกิอุสและปกป้องคนในคฤหาสน์กับหมู่บ้านอารัมไว้ได้ก็จริง แต่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเรมและครูชดันหลีกเลี่ยงมิได้แทน

. เพทร่าอยากที่จะช่วยปลอบใจมากกว่านี้ แต่เธอก็รู้ซึ้งดีว่า [สุบารุ] มีปมชอบด้อยค่าตนเอง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกขัดข้องใจพอสมควร

เพทร่า: เรื่องนั้นไว้ค่อยทีหลัง …ศัตรูที่น่าเกรงขามไม่ได้มีแค่คุณอัล เพราะว่าคนที่ร่วมขบวนด้วยยังมีทั้ง [มังกรเทพ] คุณเมดชิโนบิ บิชอปมหาบาป และคุณไฮน์เคลอีกต่างหาก

【สุบารุ: เป็นเมมเบอร์ที่น่าทึ่งชะมัดเลยนะ [มังกร] นินจา บิชอปมหาบาป ไหนจะเตี่ยของไรน์ฮาร์ดอีก เป็นถึงพ่อของเจ้าไรน์ฮาร์ดคนนั้นทั้งที ยังไงก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ】

เพทร่า: กรณีคุณไฮน์เคลขอโนคอมเมนต์ละกัน

ส่วนตัวแล้วเพทร่าไม่ค่อยมีโอกาสได้รู้จักไฮน์เคลนัก เพราะที่จักรวรรดิเขาเอาแต่ตีตัวออกห่างคนอื่น มีเพียงการ์ฟีลที่ได้ปฏิสัมพันธ์กันอยู่บ้าง

ถ้าหากการ์ฟีลได้เห็นสภาพปัจจุบันของไฮน์เคล เขาคงจะเสียใจน่าดู จุดร่วมหนึ่งของฝ่ายเอมิเลียคือพวกเธอจะแค้นเคืองคนที่ทำร้ายคนในฝ่ายแบบเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพทร่าพยายามสลัดความขุ่นเคืองที่มีต่อไฮน์เคลทิ้งไป พวกเธอจำเป็นต้องปูทางเพื่อให้การ์ฟีลได้เป็นคนสะสางเรื่องนั้นด้วยตนเอง

นัตสึกิ สุบารุเคยที่จะต้องล้มลุกคลุกคลานด้วยตัวคนเดียวกว่าที่จะได้ผลลัพธ์ออกมา แต่น้ำพักน้ำแรงของเขาก็ทำให้มีพวกพ้องที่แสนน่าทึ่งอยู่ข้างกาย

เพทร่า: จริงอยู่ว่าพวกคุณอัลคงจะตึงมือ แล้วฉันก็มองว่าขืนสู้กันตามปกติคงมีแต่จะอับจนหนทางอย่างแน่นอน ――แต่ว่านะ พวกเราเองก็ไม่เชิงว่า “ปกติ” เหมือนกันนี่?

เพทร่าฉีกยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูและวิงก์(ขยิบตา)ข้างหนึ่งให้แก่ [สุบารุ] จากนั้นทั้งสองก็เริ่มวางกลยุทธ์กับเหล่าพวกพ้องที่ไม่ธรรมดาและพึ่งพาได้

หลังจากนั้นเมื่อพวกเธอได้รับสัญญาณจากออตโต้ ซูเวน การต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

.

“พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เขียนจดหมายไปชั่วชีวิตค่ะ”

.

――อำนาจ [บีบอัด] จากปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] นั้นมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร

ปรากฏการณ์ที่ [บีบอัด] เพื่อลัดขั้นตอนให้เกิดไวขึ้นจะต้องเป็นไปได้อยู่แล้วเท่านั้น เช่น การย่นระยะเวลาเดินทางจากสองพิกัดในขอบเขตที่เป็นไปได้

อีกอย่างถ้าหากเป้าหมายของ [บีบอัด] มิได้ให้การยินยอมหรือไม่รู้ตัว ขอบเขตหวังผลของอำนาจจะแคบมากๆ จนใช้เคลื่อนย้ายศัตรูที่รู้ทันได้ยาก

ด้วยเหตุนั้น กลุ่มแนวร่วมเฉพาะกิจ [อัลเดบัสเตอร์ส] จึงวางกลยุทธ์ที่หลอกล่อให้กลุ่มอัลเดบารันแตกกระเจิง

ใช้จำนวนกำลังรบข่มให้ไฮน์เคลขวัญกระเจิง ใช้ประโยชน์จากคติ [ไม่สังหาร] ของวอลคานิก้า ใช้อาหารจานเด็ดล่อลวงรอย อัลฟาร์ด

ในโลกนี้ไม่มีแผนการใดที่จะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากต่างคนต่างทุ่มเททำหน้าที่ส่วนตนให้เต็มที่มากที่สุด ผลลัพธ์ก็จะออกมาใกล้เคียงอุดมคติ

คลินด์รู้สึกชื่นชมจิตใจของเหล่าผู้ที่คอยรดน้ำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นไปได้นั้นงอกเงยขึ้นมา

. ถึงแม้วอลคานิก้าจะโดนเล่นงานทีเผลอจนต้องใช้แขนข้างหนึ่งประคองร่างเอาไว้ แต่ที่จริงแล้วลูกเตะของคลินด์มิได้สร้างความเสียหายอะไรมากมาย

กระนั้นคลินด์ก็บรรลุจุดประสงค์ในการแยกตัว [มังกรเทพ] ออกมาเดี่ยวๆ โดยมีเพียงแค่ตัวเขาและรอสวาล L เมเธอร์สเป็นผู้เผชิญหน้ากับมัน

อัลเตอร์: …วิชาเดียวกันกับที่เป่าออริจินให้หายวับไปสินะ

หลังจากที่ใช้ [บีบอัด] เคลื่อนย้ายสนามรบจากภูเขามายังทุ่งราบ คลินด์ก็ลงจอดบนพื้นและจดจ้องดวงตาสีทองของ [มังกรเทพ] วอลคานิก้า

เป็นไปตามที่เพทร่าคาดการณ์เอาไว้ คลินด์สัมผัสได้ว่ามีจิตใต้สำนึกแปลกปลอมสิงสถิตอยู่ภายในเปลือกมกรของ [มังกรเทพ] จริงๆ

อัลเตอร์: ชื่อ “คลินด์” สินะ ก็เคยตะงิดใจอยู่หรอก …แต่ดูเหมือนว่านายจะเป็นผู้ถือครองปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ไม่ผิดแน่

คลินด์: ――ไปได้ข้อมูลนั้นมาจากไหน? ‘กังขา’

อัลเตอร์: ไปรู้มาจากคนรู้จักที่เป็นมหาเทพผู้รอบรู้(เอคิดน่า)ยังไงเล่า แต่ว่าไงดี ดันเล่าปนมากับบทสนทนาเรื่อยเปื่อยซะได้ ชั้นก็เลยพึ่งจะจำได้เหมือนกันนี่แหละ

. ผู้แย่งชิงเปลือกมกรยักไหล่ด้วยท่าทางเหมือนมนุษย์ อีกฝ่ายมีความรู้เกี่ยวกับ [โศกา] แถมยังระบุตัวคลินด์เป็นผู้ถือครองปัจจัยแม่มดได้ถูกต้อง

คลินด์เริ่มตั้งทฤษฎีว่าผู้แย่งชิงอาจจะดูดความรู้จากเปลือกมกรบางส่วนมาได้ แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาไม่สมเหตุสมผล จึงต้องตัดตัวเลือกทิ้งไป

รอสวาลเอ่ยแทรกขึ้นว่าศัตรูไปได้ข้อมูลเรื่องนี้มาจากไหนนั้นไม่สำคัญ ประเด็นหลักคือกลยุทธ์ของฝ่ายตนประสบความสำเร็จต่างหาก

ผู้แย่งชิงสยายปีกออก ส่งผลให้สายลมกรรโชกปัดเป่าเส้นผมของพวกคลินด์จนปลิวว่อน แถมยังกล่าวท้าทายว่าพวกคลินด์คิดผิดที่แยกเดี่ยวมันออกจากกลุ่ม

อัลเตอร์: น่าจะเข้าใจใช่ไหม ยิ่งมีพรรคพวกอยู่ในระยะยิงมาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่ตัวชั้นจะใจเสาะมากขึ้น อะไรทำนองนั้น พอมีขนาดตัวกับพาวเวอร์ที่ท่วมท้นถึงขนาดนี้ มันก็ออมมือลำบากอยู่เหมือนกันล่ะนะ

รอสวาล: อย่างนี้นี่เอง พอจะเข้าใจได้ ในกรณีที่เล็งจะสร้างสถานการณ์ที่จำกัดไม่ให้ทางนั้นแสดงเพอฟอร์แมนส์(ศักยภาพ)ออกมาได้เต็มร้อย มันก็ควรจะทำอย่างนั้นอยู่หรอกน้า~

คลินด์: ――น่าเสียดายที่เงื่อนไขแบบนั้นมันเข้าทางฝั่งเราด้วยเหมือนกันน่ะครับ ‘เท่าเทียม’

อัลเตอร์: ว่าไงนะ?

. ดวงตาของผู้แย่งชิงเบิกกว้างยามที่ได้เห็นแสงหลากสีลอยตัวขึ้นมาห้อมล้อมแบบไม่เปิดช่องว่าง พวกมันคือมวลมานาปริมาตรมหาศาลที่บรรจุมหาเวทอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้

ผู้สร้างแสงเหล่านั้นขึ้นมาก็มิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นจอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์

รอสวาล: อย่าอวยกันถึงขนาดนั้นจะได้ไหม? การที่ตัวนายซึ่งรู้จักอาจารย์ดันมาเรียกฉันแบบนั้นน่ะ ถือเป็นความผิดพลาดที่น่าเจ็บปวดเสียเหลือเกินล่ะเน้อ~

รอสวาลเอ่ยขัดราวกับว่าอ่านใจคลินด์ได้ แถมยังเป็นการเตือนแบบกลายๆ ว่าการปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ของเขาอาจส่งผลเสียหายต่อฝ่ายเดียวกัน

คลินด์: ――กระผมเองก็เช่นกัน ‘เห็นพ้อง’

คลินด์กล่าวเช่นนั้นพลางเอื้อมมือไปถอดโมโนเคิล(แว่นตาเลนส์เดียว)ที่ตาซ้ายของตนออก ซึ่งส่งผลให้อากาศเริ่มสั่นไหวโดยทันที

ความสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมิติเริ่มเกิดเสียงร้าว ผืนดินเองก็เริ่มสั่นไหวดังกึกก้อง

. โมโนเคิลของคลินด์ไม่ใช่แว่นพิเศษแต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือยามที่ถอดมันออกเขาได้เปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึกให้กลับไปเป็นตัวตนที่เคยผนึกเอาไว้ในอดีต

เด็กสาวผู้มีดวงจิตอันเจิดจรัสได้ชี้ให้คลินด์เห็นถึงความเศร้าโศกและความหดหู่ของตัวเขาเอง คลินด์รู้สึกละอายใจ เขาจึงมิอาจทนเป็นคนนอกได้อีกต่อไป

อัลเตอร์: เฮ้ยเฮ้ย…

เขาสีดำสองข้างงอกทะลุออกมาจากศีรษะของคลินด์ผู้มีเส้นผมสีน้ำเงินพร้อมกับเสียงกระดูกลั่น มันมิใช่เขาของเผ่าโอนิหรือเขาของสัตว์มาร

มีสิ่งมีชีวิตเพียงสายพันธุ์เดียวที่มีเขาสีดำเช่นนี้ เผ่าพันธุ์ที่ผู้คนหลงนึกว่าสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ――เผ่ามนุษย์มกร

มนุษย์มกรคือทายาทรุ่นใหม่ของเผ่า [มังกร] ผู้แสนทรงพลัง ถือกำเนิดขึ้นจากการที่มังกรยอมสละเปลือกทิ้งเพื่อเปลี่ยนไปใช้รูปลักษณ์แบบมนุษย์

ในฐานะมนุษย์มกรคนหนึ่ง คลินด์คือตัวตนที่มีความพิเศษต่อโลกใบนี้

อัลเตอร์: ในที่สุดก็เข้าใจต้นตอของความรู้สึกแปลกๆ สักที ――นี่นายน่ะ ร่างกายนั้นมัน

คลินด์: ขืนพูดอะไรมากไปกว่านี้มันจะผิดกาลเทศะนะว่าไหม ‘ไม่จำเป็น’

ในฐานะเจ้าของโดยชอบธรรมของเปลือกมกรที่ถูกขโมยไป ไม่มีใครเหมาะสมที่จะทำให้ผู้แย่งชิงหุบปากมากไปกว่าคลินด์อีกแล้ว

. รอสวาล: ――ลูกศิษย์ของ [แม่มด] รอสวาล L เมเธอร์ส

อัลเตอร์: ――[มังกรเทพ] วอลคานิก้า

เมื่อรอสวาลที่ลอยตัวขึ้นด้วยมหาเวทกล่าวแนะนำตัว ฝั่งผู้แย่งชิงก็แนะนำตัวกลับเช่นนั้นอย่างไร้ยางอายตามธรรมเนียม

ในขณะที่นึกย้อนว่าตนเองมิได้มีโอกาสทำตามธรรมเนียมปฏิบัตินี้มานานถึงเพียงไหน คลินด์ผู้มีอัสนีสีม่วงรายล้อมไปทั่วร่างก็ได้กล่าวแนะนำตัว

คลินด์: ――มนุษย์มกรแห่ง [มังกรเทพ] คลินด์

สองตัวตนที่มีความเกี่ยวข้องกับ [มังกรเทพ] เคลื่อนไหวพร้อมกัน เวทมนตร์ของพวกเขารุนแรงพอที่จะสร้างความเสียหายระดับภัยพิบัติ

การต่อสู้ระหว่างผู้ที่ล่วงรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อ 400 ปีก่อนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

. จบตอน