“พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่กอดตุ๊กตายัดนุ่นไปชั่วชีวิตค่ะ”
. แปลก ไม่เข้าใจ พิลึกกึกกือ สับสนวุ่นวาย มึนงง สงสัย มีอะไรแปลกๆ ผิดพลาดครั้งใหญ่ ผิดแผก พิศวง ประหลาด ไม่ถูกต้อง ผิดพลาด
รัม: ――ตายไปซะ
ระหว่างที่ความสับสนยังคงท่วมท้นอยู่ภายในใจรอยผู้โดนเข่าเสยใต้คาง รัมก็คว้าลำคอเขาเอาไว้ บีบให้หายใจลำบากและโจมตีซ้ำอย่างไร้ปรานี
รัม: ฟูล่า
คมดาบวายุถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือ หมายที่จะตัดศีรษะให้ขาดกระเด็น แต่ถึงแม้ลำคอของรอยจะถูกเฉือนเลือดพุ่ง รัมกลับผ่าได้ไม่ลึกพอ
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ารอยจำแลงผิวหนังของ [เดรัจฉานกินคน] เบลี่ ไฮเนลก้า อาชญากรโฉดชั่วที่หนังหนาจนดาบสองพันเล่มยังฟันไม่เข้า
รอยอาศัยจังหวะที่รัมยังมึนงงเคลื่อนย้ายตำแหน่งของเขาและเธอไปโผล่กลางอากาศอย่างฉับพลันด้วยพลังของ [ผู้ข้ามมิติ] ดอร์เคล
วันหนึ่ง หลังจากที่ได้รับพลังนี้มาจากโอโด ลากูน่า [ผู้ข้ามมิติ] ก็ได้ใช้มันลอบสังหารเหล่าผู้มีอำนาจในฐานะผู้ล้มล้างความสงบเรียบร้อย
. รัม: เอล ฟูล่า!
รอย: ――อุหวา ถามจริง!?
แทนที่จะช็อคจากการถูกเคลื่อนย้ายกะทันหัน รัมกลับร่ายคมดาบวายุสวนใส่หน้าท้องของรอยทันที แม้ว่าจะยังคงเฉือนผิวหนังเขาไม่เข้าก็ตาม
รอยอดมิได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้มต่อจิตใจอันมั่นคงของอีกฝ่าย เขาจึงสวนด้วยกำปั้นของ [ราชามวย] เนจ ร็อคฮาร์ต
กำปั้นของ [ราชามวย] เคยขยี้ศีรษะของคู่ต่อสู้จนแหลกมาแล้วมากมายบนเกาะทาสดาบ หากรัมโดนเข้าไป ร่างของเธอก็คงจะแหลกละเอียดและหายวับไป
รัม: คลาดสายตาจากรัมหรือไง? มีตาไว้ประดับหัวสินะ
พอได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง รอยจึงตวัดกำปั้น [ราชามวย] สวนไปแบบโนลุคตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็พลาดเป้าเพราะอีกฝ่ายไปอยู่เหนือศีรษะแทนแล้ว
รัมเตะอัดท้ายทอยจนรอยร่วงหล่นสู่เบื้องล่าง แต่แทนที่จะตั้งท่ารับแรงกระแทก เขากลับมัวแต่หลงใหลเด็กสาวผู้สเกิร์ตพริ้วไหวอยู่กลางเวหา
รอย: อา งดงามเหลือเกินน้า
ด้วยเหตุนั้นรอยจึงร่วงลงไปหลังกระแทกพื้นอย่างจัง แต่ถึงแม้ความเจ็บปวดจะแล่นไปทั่วร่าง เขาก็ยังคงไม่ใส่ใจ
. [เดรัจฉานกินคน] x [ผู้ข้ามมิติ] x [ราชามวย]
ในบรรดาผู้ที่ถูก [ตะกละ] กลืนกิน สามคนนี้ถือเป็นระดับแนวหน้า แต่รัมก็ยังรับมือได้อย่างงดงาม เพราะงั้นรอยจึงต้องเอาจริงด้วยเช่นกัน
รอย: การต้อนรับแขกมันต้องจัดหนักจัดเต็ม ขืนไม่ทุ่มหมดหน้าตัก ก็เรียกมันว่าความรักไม่ได้พอดีนะซี่!
เมลี่: ――วิธีคิดที่เหมือนเคยได้ยินจากที่นี่สักแห่งมาก่อนนั่น ไม่ชอบเลยค่า
รอยพลิกตัวลุกขึ้นยืนและงอเข่าเพื่อเตรียมกระโจนกลับขึ้นไปหารัมกลางเวหา แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคำรามที่มาพร้อมกับกรงเล็บอันแหลมคม
มันคือสัตว์เขางอตัวใหญ่ที่มีแขนขาเรียวบางและขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย [ราชาทมิฬแห่งป่าลึก] กิลตีลอว์วิ่งเข้ามาตะปบรอยโดยที่มีเมลี่ขี่หลังอยู่
รอยตั้งรับกรงเล็บของสัตว์ร้ายด้วยพลังของ [ผู้เขมือบหิมะ] ทิสโร บุคคลผู้มีร่างกายแข็งแกร่งจนสามารถหยุดยั้งหิมะถล่มได้ด้วยตัวคนเดียว
เขาคว้าขาซ้าย ต่อด้วยขาขวา รอยง้างขาหน้าทั้งสองไว้เพื่อเตรียมออกแรงบิดให้ขาด แต่แล้วใครบางคนก็ลอดใต้หว่างขาเจ้าสัตว์มารมาเล็งคทาใส่เขา
รอย: สุดยอดของแท้――
รัม: ฟูล่า
. ทั้งกระสุนลมที่กระแทกหน้าผากและหางของกิลตีลอว์ได้หวดให้รอยไถลถอยหลังไปกับพื้นแบบนิ้วเท้าลากดิน เมลี่ชี้นิ้วไปที่ด้านหลังเขาเพื่อออกคำสั่งต่อ
เมลี่: ขย้ำมันเลยยย น้องสุนัขมารดำทั้งหลายย!!
ฝูงสุนัขขนดำตาแดงที่มีคำสาปและเวทมนตร์ทรงพลังเกินตัวฝังลึกอยู่ “อุลการ์ม” ได้รุมฝังเขี้ยวลงบนร่างของรอย เปลี่ยน [กินไม่เลือก] ให้กลายเป็นอาหารสัตว์
รอย: ล่า ลา ลา ล่า ล้า――
เสียงร้องเพลงทำให้สัตว์มารแน่นิ่งไป รอยลูบหัวสุนัขตัวที่กัดคอเขาอยู่ จากนั้นเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาจากปากแผลและกลายเป็นดาบเล่มแวววาว
ทั่วร่างของรอยเต็มไปด้วยแผลสุนัขกัด ดาบโลหิตที่ผุดออกมาจากแผลเหล่านั้นได้เสียบทะลุเหล่าเดรัจฉาน ซากศพติดคาอยู่บนกิ่งเลือดราวกับเป็นผลไม้
นี่คือการประสานงานในฝันระหว่างผู้ร่อนเร่ขับขานบทเพลงต่อต้านนานาชาติ [กวีช้ำรัก] โนตา และจอมเวทผู้ควบคุมได้แค่เลือดของตน [อสูรน้ำตาโลหิต] แอดวาน
ปิดท้ายด้วยการรีดเค้นมานาจากซากศพของสัตว์มารมาร่ายมนตร์ของ [ขุนนางรุ้งมายา] มาโตคลิม่า โจราดอน ผู้เคยวางแผนโค่นล้มราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
ผีเสื้อสีรุ้งที่ถือกำเนิดจากซากศพโบยบินออกมารายล้อมรอบตัวรอย พวกมันมีจำนวนเท่ากับซากศพที่ถูกใช้เป็นดักแด้
รอย: แต่นแต๊น
[ผู้เขมือบหิมะ] x [กวีช้ำรัก] x [อสูรน้ำตาโลหิต] x [ขุนนางรุ้งมายา]
. รอยเอ่ยปากชมการประสานงานระหว่างรัมกับเมลี่ เนื่องจากในความทรงจำที่เขามีอยู่(ของออตโต้) ทั้งสองคนยังไม่ได้สนิทกันขนาดนี้
รอยเก็บคมดาบโลหิตเข้าร่าง ส่งผลให้ซากศพของสัตว์มารร่วงหล่น จากนั้นก็ทำการปิดแผลที่ถูกกัดโดยการปรับเลือดให้แข็งตัวเป็นลิ่ม
ในเมื่อความรู้สึกส่งไปไม่ถึงสองสาวที่จ้องเขาเขม็ง รอยจึงเปลี่ยนมาไตร่ตรองปรากฏการณ์พิศวงที่ทำให้ [มังกรเทพ] หายไปจากสนามรบในชั่วพริบตา
การหายตัวไปของอัลเดบารันกับยาเอะ รวมถึงการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกรัมเองก็คงมีที่มาจากสาเหตุเดียวกัน
จากการอ่าน [ความทรงจำ] รอยพบว่าพลังวิเศษของ “คลินด์” มีอิมเมจเข้าเค้าที่สุด ประเด็นคือพลังนี้มิน่าใช่ทั้งพลังเฉพาะตัวหรือพรคุ้มครอง
รอยอนุมานว่าพลังลึกลับนี้คืออำนาจและคลินด์ก็น่าจะเป็นผู้ถือครองตำแหน่ง [เย่อหยิ่ง] ที่ยังว่างอยู่ ความแข็งแกร่งของเขาจึงถือเป็นปริศนา
กระนั้นทั้งคลินด์ รอสวาล และ [มังกรเทพ] ก็มิได้อยู่ในสนามรบแห่งนี้อีกแล้ว รอยจึงสามารถเพิกเฉยต่อลูกเล่นเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปก่อนได้
. รัมใช้วิธีการบางอย่างแก้ทาง [อุปราคา] ส่วนเมลี่ก็ใช้สัตว์มารที่ไร้นาม ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเตรียมการมาอย่างดีเพื่อสังหารพวกรอยให้สิ้นซาก
เพื่อที่จะตอบสนองต่อการต้อนรับจากสองสาว รอยจึงอยากปรับเดรสโค้ดของฝั่งตนให้เหมาะสมกับศึกชี้ชะตาครั้งนี้ด้วย
ที่จริงรอยอยากจะแจกดาวให้คะแนนเต็มกับกลุ่ม [อัลเดบัสเตอร์ส] ทุกคนเลยด้วยซ้ำ กลับกันผู้ที่เป็นจุดด่างพร้อยในศึกนี้ดันเป็นคนจากฝั่งเขาเอง
บุคคลนั้นคือชายผมแดงที่ต่อสู้อยู่ในสนามรบเดียวกับรอย “ไฮน์เคล” ผู้กำลังคุกเข่าเลือดกำเดาไหลอยู่ในสภาพน่าสมเพช
หากให้ประเมินในฐานะ [ตะกละ] รอยก็มองว่าไฮน์เคลไม่เลวนัก ชีวิตเขาเต็มไปด้วยปมในใจและโซ่ตรวนที่ผูกไว้กับตนเอง มันเป็นรสชาติฝาดที่น่าค้นหา
กระนั้นกลิ่นและรูปลักษณ์เองก็ถือเป็นส่วนสำคัญของเมนดิช และสถานะปัจจุบันของไฮน์เคลก็ทำให้เขาไม่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว
ต่อให้งานเลี้ยงจะหรูหราโอ่อ่าสักแค่ไหน หากมีขยะสดปนเปื้อนอยู่กับอาหารสักจาน มันก็จะพลอยทำให้งานกร่อยไปหมด ดังนั้นแล้ว…
รอย: นี่ลุง คิดจะอมทุกข์ไปถึงเมื่อไหร่กัน มาครื้นเครงกันดีกว่า!
ไฮน์เคล: เหอ บะ…บิชอปมหาบาป… อึก
ดวงตาสีฟ้าของไฮน์เคลกำลังสั่นเทาราวกับว่าร้องขอความช่วยเหลืออยู่ เขาเข้าตาจนถึงขั้นที่คาดหวังให้รอยที่ไม่ได้สนิทกันแถมยังเป็นบิชอปมหาบาปช่วย
ความน่าสมเพชอันไร้ก้นบึ้งนั้นในแง่หนึ่งก็ช่างน่าประทับใจ แต่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน มันถ่วงรั้งมื้ออาหารของรอยอยู่
รอย: ――อยากให้ช่วยปลดปล่อยจากภาระที่ลุงแบกอยู่ไหมล่ะ
ไม่ได้จะช่วยเหลือและไม่ได้จะทอดทิ้ง รอยเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มในขณะที่เสนอทางเลือกที่สามให้แก่ไฮน์เคล แม้ว่าเจ้าตัวจะมิได้รู้เนื้อแท้ของภาระดังกล่าวก็ตาม
ที่แน่ๆ ภาระนี้มีความสำคัญต่อไฮน์เคลยิ่งกว่าชีวิตหรือความตาย เห็นได้ชัดจากดวงตาที่เบิกกว้างยามที่เขาตระหนักได้ว่ารอยมิได้พูดเล่น
รอย: มันต้องอย่างงั้นเซ่
หัวใจของรอยเปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดี ฝูงผีเสื้อสีรุ้งกระพือปีกไปทั่วราวกับว่าตอบรับต่ออารมณ์ของเขา เท่านี้ศึกชี้ชะตาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเสียที
รอย: อยากได้รับการเติมเต็ม แต่ก็ไม่อยากถูกเติมเต็ม ――ชีวิตมันช่างเต็มไปด้วยรสชาติอันน่าทึ่งเหลือเกินน้า
. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เย็บปักถักร้อยไปชั่วชีวิตค่ะ”
. ย้อนไปเล็กน้อย หลังจากที่ถูกแฟรมกับกราซิสเตะอัดแผ่นหลังและหน้าอกพร้อมกัน ไฮน์เคลก็เข่าทรุดลงและอาเจียนกรดในกระเพาะออกมา
สองแฝดคือหลานสาวของ “แครอลกับกริม” คู่สามีภรรยาที่รับใช้ตระกูลแอสเทรอามาเนิ่นนาน แต่แล้วพวกเธอกลับเตะไฮน์เคลผู้เป็นเจ้าบ้านจนคว่ำ
แฟรม: ความภักดีของพวกเราขึ้นตรงต่อนายน้อยเพียงผู้เดียวค่ะ
กราซิส: ท่านเจ้าบ้านแทงท่านรุ่นก่อน(วิลเฮล์ม)ไปด้วย
สองแฝดตระกูลเรเมนดิสตอกกลับไฮน์เคลอย่างไร้เยื่อใยโดยที่เจ้าตัวมิอาจปฏิเสธได้ ความโกรธแค้นและความชิงชังของพวกเธอมันสมเหตุสมผล
ไฮน์เคลทนทุกข์ทรมานเพราะภาระอย่างแรกมาเนิ่นนานแล้ว ส่วนข้อหลังก็พึ่งกลายมาเป็นภาระใหม่ที่เขาต้องแบกรับเพิ่มเติม แต่ถึงกระนั้น…
ไฮน์เคล: ยังไม่ยอมตาย…
“ยังไม่ยอมตายอีก” หรือ “ยังไม่ยอมตายหรอก” กระทั่งเจ้าตัวผู้เอ่ยปากก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะสื่อแบบไหนกันแน่
. คู่แฝดเข้ามาจู่โจมไฮน์เคลที่ยังคงขาสั่นต่ออย่างไร้ปรานี โดยอาศัยแขนขาที่เสริมแกร่งด้วย [ครรลองสายธาร] จนแข็งกร้าวดุจโลหะ
สองสาวกระหน่ำโจมตีจากบนล่าง ซ้ายขวา หน้าหลัง ประสานจังหวะกันอย่างสมบูรณ์ ไฮน์เคลที่อยู่ใจกลางของพายุโลหะทำได้เพียงยกดาบมาป้องกันส่วนสำคัญ
ไฮน์เคลเองก็เคยได้เรียนรู้ [ครรลองสายธาร] มาก่อน แต่เขาไม่เคยสำเร็จวิชาจนเชี่ยวชาญ ทั้งๆ ที่ฝึกฝนมานานกว่าสองเท่าของอายุคู่แฝดซึ่งน่าจะพึ่ง 12 ปี
ถ้าหากเขาปล่อยวางเรื่องนั้นได้ด้วยการยอมรับว่า “พรสวรรค์ต่างกัน” ภาระที่ไฮน์เคลแบกรับอยู่เป็นร้อยอย่างก็คงจะลดทอนลงได้บ้าง
ไฮน์เคล: …แม่ง..เอ๊ย!
การเหวี่ยงดาบแบบเน้นป้องกันตัวของไฮน์เคลถูกหลบเลี่ยงอย่างง่ายดาย ในขณะที่สองแฝดเล็งโจมตีจุดสำคัญอย่างข้อศอก สีข้าง และคอ
เลือดกบปาก กระดูกลั่นเอี๊ยด แล้วพอเขาเผลอก้มหน้าต่ำ คู่แฝดก็ตีลังกาเตะเข้าใส่เต็มดั้งจนไฮน์เคลหงายหลังล้ม ศีรษะกระแทกพื้น เลือดกำเดาไหล
ทัศนวิสัยพล่ามัว หูก็อื้อไปหมด แต่ไฮน์เคลยังคงดึงสติกลับมาได้ เขาจึงรีบลุกขึ้นและตั้งดาบให้พร้อมพอดีกับจังหวะที่คู่แฝดม้วนตัวลงจอดและปัดฝุ่นจากชายกระโปรง
แววตาของสองแฝดเริ่มมีความสับสนเจือปนอยู่ พวกเธอคงนึกว่าไฮน์เคลควรจะหมดสติไปแล้วหลังจากที่โดนยำไปขนาดนั้น
ที่จริงศึกนี้มันไม่ใช่การต่อสู้ตั้งแต่แรก ไฮน์เคลยังคงกุมดาบด้วยมือที่สั่นเทา ยอมทนเป็นกระสอบทรายเพราะถอยหลังกลับไม่ได้หลังจากที่แทงพ่อตัวเองไป
ไฮน์เคลเลือกที่จะรอคอยอย่างมีหวังว่าใครสักคนจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ อัลเดบารัน [มังกรเทพ] ยาเอะ หรือกระทั่งบิชอปมหาบาปก็ยังได้
. รอย: นี่ลุง คิดจะอมทุกข์ไปถึงเมื่อไหร่กัน มาครื้นเครงกันดีกว่า!
ไฮน์เคล: เหอ บะ…บิชอปมหาบาป… อึก
เสียงเรียกนั้นทำให้ไฮน์เคลรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่า [มังกรเทพ] หายวับไปแล้ว ที่สนามรบแห่งนี้เหลือเพียงแค่ตัวเขากับรอย อัลฟาร์ด
กระทั่งนัตสึกิ สุบารุยังเคยใช้งาน [ตะกละ] ที่จักรวรรดิมาก่อน เพราะงั้นไฮน์เคลเองก็มีสิทธิ์ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรผู้น่าชิงชังที่มีเป้าหมายร่วมกัน
รอย: ――อยากให้ช่วยปลดปล่อยจากภาระที่ลุงแบกอยู่ไหมล่ะ
แต่แล้วคำพูดถัดมากลับทรยศต่อความคาดหวังของไฮน์เคลอย่างสิ้นเชิง
มันไม่ใช้ทั้งการเสนอตัวช่วยหรือการร้องขอให้ช่วย หากแต่เป็นการหยอกเย้าอย่างไม่เหมาะสมตามใจชอบ เขาคิดบ้าอะไรอยู่? ไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันหรือไง?
ที่นี่ไม่มีทั้งอัลเดบารัน [มังกรเทพ] หรือยาเอะอยู่แล้ว ลำพังแค่ไฮน์เคลผู้อ่อนแอกับอาชญากรอย่างรอยกอบกู้สถานการณ์ไม่ได้หรอก
เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างไฮน์เคลกับรอยก็มีช่องว่างที่ไม่มีวันปิดได้อยู่แล้ว แต่รอยกลับแหกช่องว่างนั้นให้กว้างขึ้นด้วยการจี้จุดที่ไม่ควรเข้า
ปลดปล่อยไฮน์เคลจากภาระที่แบกอยู่อย่างงั้นเหรอ? ภาระที่หลอมรวมเป็นหนึ่งกับดวงจิตของเขาแล้วเนี่ยนะ? เรื่องนั้นยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีวัน
รอย: มันต้องอย่างงั้นเซ่
. แฟรม: ท่านเจ้าบ้าน เตรียมใจไว้ให้ดี
กราซิส: จะขอทุ่มแบบสุดกำลัง
พอสองแฝดเห็นไฮน์เคลลุกขึ้นมาเดินโซเซเหมือนคนวิญญาณหลุด พวกเธอก็ตระหนักได้ว่าการออมแรงมันไม่ช่วยอะไร ต้องจัดเต็มเท่านั้น
คู่แฝดประสานลูกเตะที่รุนแรงจนคว้านผืนดินส่วนหนึ่งให้แยกออกมา แต่ในเมื่อมันมิใช่สิ่งมีชีวิต ไฮน์เคลจึงตวัดดาบผ่าผืนดินที่ปลิวมาทางตนได้โดยไม่ลังเล
ทว่า ผืนดินที่แยกออกเผยให้เห็นแต่เพียงความว่างเปล่า เนื่องจากสองแฝดได้เข้าประชิดไฮน์เคลด้วยความเร็วสูงสุดและจู่โจมแบบประกบสองข้าง
กำปั้นของสองสาวต่อยทะลวงเอวของไฮน์เคลเข้าไปจนซี่โครงแตกหัก อวัยวะภายในถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนเลือดไหลทะลักออกทางปาก
แฟรม: ――อ๊ะ
กราซิส: แย่แล้ว
กระนั้นไฮน์เคลกลับยังไม่หมดสติ เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและคว้าแขนของคู่แฝดเอาไว้ แฟรมกับกราซิสจึงต่อต้านด้วยขาและแขนอีกข้าง
ไฮน์เคลกำข้อมือของคู่แฝดไว้แน่นแม้จะเจ็บปวดราวกับถูกรุมหวดด้วยท่อนเหล็ก นี่คือวิธีการใช้งานความถึกทนเหนือมนุษย์ที่เจ้าตัวมิได้ภาคภูมิใจนัก
ไฮน์เคล: ――ย้ากกกก!!
ว่าแล้วไฮน์เคล แอสเทรอาผู้มีภาพลักษณ์ไม่เหมาะสมต่อการเป็นนักดาบจึงเริ่มทำการโจมตีสวนกลับด้วยวิธีที่แสนจะดิบหยาบไร้การขัดเกลา
ชั่ววินาทีนั้นไฮน์เคลหลับหูหลับตาเพื่อเมินเฉยว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก เป็นคนรับใช้ตระกูลเขา และเป็นหลานสาวของแครอลกับกริม จากนั้นก็ทุ่มเด็กสาวทั้งสองให้หัวปักดิน――
. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่ร้องเพลงไปชั่วชีวิตค่ะ”
. โดยเนื้อแท้แล้ว เวทมนตร์ของ [ขุนนางรุ้งมายา] มีหลักการทำงานคล้ายคลึงกับ “เวทมนตร์สีรุ้ง” ไพ่ตายของอัศวิน [ผู้เป็นเลิศ] พอสมควร
แต่ในขณะที่ยุลิอุสอาศัยพรสวรรค์กับวิญญาณคู่หู ผีเสื้อสีรุ้งนั้นฟักตัวออกมาโดยอาศัยถ่านไฟในซากศพหรือกากชีวิตที่เหลืออยู่เป็นเชื้อเพลิง
ดูผิวเผินเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่ผีเสื้อราว 20 ตัวที่รอยกำลังส่งไปหารัมกับเมลี่นั้นคือตัวแทนแห่งความตาย ทุกอย่างที่สัมผัสโดนพวกมันจะถูกระเบิดกระจุย
เมลี่: พี่รัม!
รัม: วิธีเรียกยังผิดอยู่นะ
เมลี่: เข้าใจแล้วค่า ท่านหญิง!
เมลี่สั่งให้กิลตีลอว์ที่เธอขี่อยู่ถางต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยกำลังแขน จากนั้นรัมก็รีบเข้าประชิดท่อนซุงที่ล้มอยู่แบบก้มตัวต่ำและชี้คทาเล็งใส่มัน
รัม: เอล ฟูล่า
ผีเสื้อสีรุ้งเป็นอาวุธใช้แล้วทิ้งสุดทรงพลัง มันมีอิทธิฤทธิ์คล้ายศิลามนตราธาตุอัคคีที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่มันสัมผัสโดนในระดับโครงสร้างได้
เพราะงั้นรัมจึงใช้พายุหมุนปัดเป่าท่อนซุงให้ปลิวไปชนฝูงผีเสื้อจนเกิดการระเบิดสีรุ้งไปทั่ว รอยอดมิได้ที่จะชื่นชมการรับมืออันสมบูรณ์แบบและรวดเร็วนั้น
. ผีเสื้อสิบตัวที่ยังเหลือรอดอยู่บินอ้อมแรงระเบิดฝั่งละห้าตัวไปขนาบข้างพวกรัม แล้วในจังหวะเดียวกันนั้นรอยก็อ้อมไปตลบหลังด้วยพลังของ [ผู้ข้ามมิติ]
เป้าหมายของรอยคือสังหารกิลตีลอว์ทิ้งก่อนด้วยกำลังแขนของ [ผู้เขมือบหิมะ] ในระหว่างที่สองสาวติดพันอยู่กับผีเสื้อจากสองฟากฝั่ง
[ขุนนางรุ้งมายา] x [ผู้ข้ามมิติ] x [ผู้เขมือบหิมะ]
??: ――อุแว๊วววว
ตอนนั้นเองที่เสียงร้องของทารกดังมากระทบแก้วหูรอย แถมกิลตีลอว์ที่เมลี่เคยขี่อยู่ยังถูกแทนที่ด้วยสัตว์มารที่เป็นดั่งผลงานล้มเหลวของพระเจ้า
ศีรษะเป็นเขาขนาดใหญ่ ท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็นม้า มีปากขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าท้อง ถืออาวุธเป็นหอกคู่ติดไฟที่สร้างจากกระดูก
สัตว์มารอัปลักษณ์เผาผีเสื้อที่เหลืออยู่จนระเบิดยกฝูง มันคือ “ราชันอาชาหิวโหย” ซึ่งควรจะอาศัยอยู่ที่ใต้ดินของทะเลทรายเพียงเท่านั้น
. ความคิดของรอยปั่นป่วนไปหมด เขาพยายามนึกย้อน [ความทรงจำ] ที่จะช่วยอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าและหาคำตอบว่าควรมีรีแอคชั่นอย่างไรดี
ดอลเทโร่: ――อะไรของแกล่ะนั่น ทำหน้าโง่เหมือนหมูเชียวนะ
ทันใดนั้นเองกำปั้นขนาดยักษ์ก็ต่อยอัดร่างแคระจิ๋วจากด้านหลังจนเขาปลิวข้ามหัวราชันอาชาหิวโหย รอยรีบปักแขนลงพื้นเพื่อตั้งหลักก่อนที่ศัตรูจะไล่ตาม
รอยเงยหน้ากลับขึ้นมาเห็นเมลี่บนหลังราชันอาชาหิวโหย รัมที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งไปจากเดิม และศัตรูหน้าใหม่ที่เป็นมนุษย์สุกรสวมชุดสูทสีดำ
[ความทรงจำ] ที่รอยมีอยู่ทำให้เขาหลงผิด ทึกทักไปเองว่าไม่จำเป็นต้องระแวงอำนาจของคลินด์ผู้มิได้อยู่ในสนามรบแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
แกสตอน: ――ถ้าแกเองก็พ่อคนล่ะก็ อย่าลงไม้ลงมือกับเด็กสิว้อย!!
พอเหลือบไปมองตามเสียงโมโห รอยก็เห็นชายร่างใหญ่เข้าไปต่อยหน้าไฮน์เคล เขาคือ “แกสตัน” ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในศึกนี้ตั้งแต่แรกเริ่มเช่นกัน
ไฮน์เคลถูกซัดหน้าจนหงายหลังล้ม คู่แฝดที่ถูกเขาจับทุ่มจึงรอดพ้นภัยมาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งรอยและไฮน์เคลต่างถูกขัดขวางการโต้กลับทั้งคู่
. ถ้าหากว่าคลินด์มิใช่ผู้ที่ขัดขวางไทม์มิ่งสวนกลับของรอยและไฮน์เคลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความเป็นไปได้ที่รอยนึกออกก็เหลือเพียงแค่อย่างเดียว
มีใครบางคนจับตาดูภาพรวมของศึกชี้ชะตาครั้งนี้อยู่และคอยใช้อำนาจของคลินด์แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างเหมาะสม
เธอคนนั้นคือคำตอบเดียวที่รอยนึกออกจาก [ความทรงจำ] ที่มีอยู่ แต่มันก็เป็นคำตอบที่ชวนให้เขากังขาว่า [ไม่จริงน่า]
รอย: ――เพทร่าจัง กลายเป็นบิชอปมหาบาปไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
เพทร่า: เรียกกันแบบนั้นมันฟังดูแย่ชะมัดเลย ถ้าคิดจะเรียกด้วยชื่อแย่ๆ ทั้งทีล่ะก็ ขอให้เรียกแบบนี้ดีกว่า
เด็กสาวผู้ถือครองปัจจัยแม่มดและใช้อำนาจควบคุมทั้งสนามรบในฐานะเกมเมคเกอร์ได้แลบลิ้นใส่รอยและประกาศต่อว่า…
เพทร่า: ――[แม่มดแห่งโศกา] เพทร่า เลย์เต
. จบตอน