re zero webnovel arc9 chapter44 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 44 "สัญญาลับที่หลังฉาก"

“พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่รำลึกความหลังไปชั่วชีวิตค่ะ”

. แกสตอน: ――ถ้าแกเองก็พ่อคนล่ะก็ อย่าลงไม้ลงมือกับเด็กสิว้อย!!

การโต้กลับโดยอาศัยความถึกทนของไฮน์เคลถูกขัดขวางโดยกำปั้นของแกสตอนผู้ถูกส่งเข้าสู่สนามรบโดยพลัง [บีบอัด] ของเด็กสาวบนไหล่ปู่รอม

เผลอๆ คำพูดของแกสตอนน่าจะเจ็บกว่ากำปั้นเสียอีก ที่แน่ๆ พอยืนยันว่าสองแฝดปลอดภัยแล้ว ปู่รอมก็หันมาดูอาการของเพทร่าต่อ

ภาระจากการถือครองปัจจัยแม่มดหนักหน่วงจนเพทร่าเผลอจิกนิ้วใส่ไหล่ของปู่รอมโดยที่เธอไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้เจ็บปวดอะไรก็ตาม

คลินด์ผู้รู้เกี่ยวกับอำนาจ [บีบอัด] มากที่สุดคือเสาหลักของแผนจับแยกกลุ่มอัลเดบารัน แต่พูดได้เต็มปากเลยว่าเพทร่าคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ

เดิมทีทั้งปู่รอมและเพทร่าคือสองตัวเลือกหลักที่จะได้ถือครองปัจจัย [โศกา] ในศึกนี้ เพราะทั้งคู่ขาดความสามารถต่อสู้โดยตรงและเด่นด้านการตัดสินใจอันรวดเร็วเหมือนกัน

สุดท้ายเพทร่าก็เป็นผู้ที่ถูกรับเลือก ปู่รอมเลยตั้งมั่นที่จะให้ความสำคัญกับเพทร่ารองลงมาจากเฟลท์ เขาอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของเธอให้มากที่สุด

เพื่อการนั้นแล้ว ปู่รอมจึงตรวจสอบให้มั่นใจว่าการประเมินสถานการณ์รบและคำสั่งของเขานั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่มองข้ามอะไรไป

. ปัจจุบันปู่รอมกำลังจับตามองของ [ตะกละ] รอย อัลฟาร์ด และ [นักดาบกบฏ] ไฮน์เคล แอสเทรอา ซึ่งถูกจับแยกจากพรรคพวกอีกสามคน

รอม: บุปผาสาม ราชินี อัสนีสอง ขุนนาง บุปผาห้า พราน

รอยจิกเล็บบนไหล่เริ่มลึกและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เพทร่าเปิดใช้อำนาจตามคำสั่ง ในขณะที่ศึกปะทะ [ตะกละ] ยังค่อนข้างสูสี

[บีบอัด] ถูกใช้เพื่อรับมือกับรอยซึ่งมีไพ่ในมืออยู่มากเป็นหลัก ต้องชื่นชมรัมที่คอยดึงความสนใจและไม่เปิดช่องว่างให้เขาหันมาเล่นงานพวกรอม

ในทางกลับกัน พละกำลังของแกสตอนและความเร็วของสองแฝดนั้นเหลือเฟือในการรุมกระทืบไฮน์เคลอยู่ฝ่ายเดียว เพียงแต่ว่าเขายังดื้อด้านไม่ยอมแพ้เช่นกัน

เพทร่า: ――คุณปู่รอม

รอม: ――ตะวันห้า ราชินี!

จังหวะที่รอยหลงกลพลาดใช้อำนาจ [ตะกละ] กับรัมแล้วล้มเหลว ปู่รอมกับเพทร่าก็เดินหมากเปลี่ยนเกมด้วยการใช้ [บีบอัด] ประสานการโจมตี

การกระหน่ำจู่โจมจากสายลม [ราชาสุกร] และสัตว์มารอีกสองตัวอัดกระแทกร่างแคระจิ๋วของรอยจนกระเด็น เขาบาดเจ็บสาหัสจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

. ――สาเหตุที่รอยกินชื่อล้มเหลวเป็นเพราะว่ารัมในปัจจุบันมีนามแท้ว่า “รัม เลย์เต”

นี่คือกับดักที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบการรับบุตรบุญธรรมเพื่อสร้างเกราะกำบังให้แก่สมาชิกแนวหน้าทุกคนที่อาจถูก [ตะกละ] เพ่งเล็ง

เพทร่าเป็นคนเสนอกลยุทธ์ผิดแผกเหนือความคาดหมายนี้ขึ้นมาและรัมก็กล้าเสี่ยงเดิมพันที่จะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้รอยพลาดท่า

รอม: เท่านี้ก็…

ปู่รอมกำหมัดด้วยความสะใจที่สถานการณ์รบเปลี่ยนไปตามที่คาดหวัง ที่เหลือก็เพียงแค่ต้องเผด็จศึกสนามรบอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น

ไฮน์เคล: ห้ามใครหน้าไหนขยับทั้งนั้นนะว้อย… ถ้ายังหวงชีวิตของยัยนี่… ถ้ายังหวงชีวิตของท่านผู้นี้อยู่แล้วล่ะก็

ทว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อไฮน์เคลได้จับเฟลท์เป็นตัวประกันด้วยการใช้ดาบจ่อลำคอของเธอเอาไว้

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เล่าขานเรื่องราวที่ชอบไปชั่วชีวิตค่ะ”

. อัล: ที่ผ่านมาต้องขอโทษด้วยนะ ดันปล่อยให้เตี่ยต้องแบกรับภาระเอาไว้มากเกินไปในทุกแง่มุมเลย

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ไฮน์เคลเกือบจะลงไม้ลงมือกับเฟลท์ เขาก็ถูกอัลเดบารันซัดจนสลบ แต่ฝั่งอัลได้ตามมาขอโทษในภายหลังด้วย

ไฮน์เคลตระหนักดีว่าเขาเกือบจะทำเรื่องที่แก้ไขมิได้ลงไป เพราะงั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์บ่นและต้องยอมรับคำขอโทษแต่โดยดี

อย่างไรก็ตาม เฟลท์ดันล่วงรู้เสียแล้วว่าไรน์ฮาร์ดเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้ “ลูอันน่า แอสเทรอา” ภรรยาของไฮน์เคลหลับใหลไม่ยอมตื่น

ไฮน์เคลมิอาจยอมปล่อยผ่านเรื่องนั้นได้อย่างเด็ดขาด แต่แล้วอัลเดบารันก็เสนอว่าเขาสามารถช่วย [จัดการ] ปัญหาที่ว่าได้โดยที่ไม่ต้องทำเรื่องอันตรายใดๆ

อัลเดบารันเป็นชายที่อ่านความคิดได้ยาก แต่ไฮน์เคลพอเข้าใจว่าสาเหตุที่เขายอมตั้งตัวเป็นศัตรูกับโลกเป็นเพราะความเศร้าโศกที่สูญเสีย [เจ้าหญิงสุริยา] ไป

ที่ผ่านมาความรักที่มีต่อพริสซิลล่าได้เหนี่ยวรั้งมิให้เขายอมสังเวยทุกสิ่งเพื่อเป้าหมาย แต่ไฮน์เคลสัมผัสได้ว่าอัลเดบารันพึ่งขจัดโซ่ตรวนส่วนนั้นออกไป

ไฮน์เคล: ตั้งใจ… ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย

อัล: ไม่คิดจะทำเรื่องแย่ๆ กับเตี่ยหรอกน่า ก็แค่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่อยากให้ช่วยยืนยันอยู่

ไฮน์เคลเผลอกลืนน้ำลายโดยที่มิได้ตั้งใจ เขามีลางสังหรณ์เยี่ยงคนขี้ขลาดที่ทั้งอยากและไม่อยากจะได้ยินสิ่งที่อัลเดบารันกำลังจะกล่าวต่อจากนี้

อัล: ชื่อของเชื้อพระวงศ์ที่ถูกลักพาตัวไปจากพระราชวังเมื่อสิบห้าปีก่อนยังไงล่ะ――

. เมื่อ 15 ปีก่อน บุตรสาวของพระราชอนุชาแห่งองค์กษัตริย์ได้ถูกลักพาตัวไปจากพระราชวังลูกุนิก้าและไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของราชวงศ์ลูกุนิก้า มีเชื้อพระวงศ์มากมายที่ดวงชะตาอับโชค แต่บุตรสาวคนนี้เกิดมาพร้อมกับคำอวยพร

ทว่า การเอ่ยนามของเธอผู้นั้นได้กลับได้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับไฮน์เคล ไม่สิ กลายเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับประชาชนชาวลูกุนิก้า

รอย: ――ฟิลโอเร ลูกุนิก้า

เมื่อ 15 ปีก่อนไฮน์เคลเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลักพาตัว “ฟิลโอเร” บุตรสาวของ “ฟอร์ด ลูกุนิก้า” ผู้เป็นน้องชายของกษัตริย์ “แรนโดฮาล ลูกุนิก้า”

ข้อกล่าวหานั้นเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ว่าไฮน์เคลได้กระทำการลบหลู่ต่อราชวงศ์ที่เคยสาบานจงรักภักดีและต่อผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงอย่างฟอร์ดลงไปจริงๆ

แทนที่จะเรียกว่าเป็นการก่อทรยศต่อราชอาณาจักร เรียกว่าเป็นการทรยศต่อราชวงศ์ลูกุนิก้าและมิตรภาพคงจะเหมาะสมกว่า

รอย: ――ทานละนะครับ

พิธีกรรมบาปหนาแสนโฉดชั่วเกิดขึ้นต่อหน้าไฮน์เคล ใจนึงเขาก็พอคาดเดาได้อยู่แล้วว่ามันจะลงเอยเช่นนี้หลังจากที่อัลเดบารันมาถามชื่อเธอ

พิธีกรรมเดียวกันนี้เป็นบ่อเกิดของโศกนาฏกรรมมากมายในอดีต แต่ถ้าหากว่ามันสำเร็จลุล่วง ไฮน์เคลก็ไม่จำเป็นต้องสังหารเธออีกต่อไป

. รอย: ขอบพระคุณสำหรับอาหาร

พอรอยประกบฝ่ามือเข้าหากันอันเป็นสัญญาณสิ้นสุดพิธีกรรม สติของไฮน์เคลก็กลับสู่ความเป็นจริง ก่อนหน้านี้เขาพยายามเบือนหน้าหนี ไม่มองตรงๆ

ช่างน่าขำที่หัวใจของเขายังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ก่อเรื่องไม่เหมาะสมต่อการเป็นอัศวิน กระนั้นไฮน์เคลก็เดินเข้าไปยืนแทนที่รอยผู้หัวเราะร่า

ไฮน์เคล: ――ท่านฟิลโอเร

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งพลางเรียกขานเธอเช่นนั้น ส่วนตัวแล้วไฮน์เคลยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าตนเองคาดหวังคำตอบเช่นไรอยู่

ถ้าหากเธอตอบรับอย่างที่แล้วมาก็เท่ากับว่าพิธีกรรมล้มเหลว แต่ถ้าหากเธอตอบรับด้วยความสับสน ไฮน์เคลก็คงทุกข์ใจไม่ต่างกัน

เฟลท์: นั่นพูดถึงใครอยู่เหรอคะ? ไม่สิ ก่อนอื่นเลย…

ไฮน์เคล: …

เฟลท์: ――ตัวฉันเป็นใครกันคะเนี่ย?

สุดท้ายแล้วคำตอบที่บ่งชี้ว่าพิธีกรรมสำเร็จลุล่วงก็นำพาความปวดร้าวและความทุกข์ทรมานมาสู่ไฮน์เคลอยู่ดี

. ฟิลโอเร(เฟลท์): “ฟิลโอเร” นั่นคือชื่อของฉันเหรอ… ฟังดูไม่ค่อยเหมาะเลยนะคะเนี่ย

หลังถูกกิน [ความทรงจำ] นิสัยของฟิลโอเรก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากหยาบกระด้างเยี่ยงสามัญชนกลายเป็นมีภูมิฐานสมกับที่เป็นราชวงศ์

ไฮน์เคลประหลาดใจมาก แต่ถ้าหากโศกนาฏกรรมเมื่อ 15 ปีก่อนมิได้เกิดขึ้น ฟิลโอเรก็คงจะเติบโตมาเป็นราชวงศ์ที่ทุกคนรักเช่นนี้กระมัง

อัล: แต่ในกรณีนั้น คงจะต้องตายเพราะโรคร้ายแบบเดียวกันกับคนอื่นในราชวงศ์แหละนะ

ถึงจะฟังดูโหดร้าย แต่อัลเดบารันก็พูดถูก ถ้าหากฟิลโอเรยังอยู่ที่พระราชวัง โรคร้ายปริศนาที่คร่าชีวิตราชวงศ์ก็คงจะพรากเธอไปอีกคน

ความปรารถนาสูงสุดของเขาพึ่งจะกลายเป็นจริงทั้งที แต่แล้วไฮน์เคลกลับอยากที่จะหลับหูหลับตาและเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ตัวเขาเริ่มตระหนักได้

ฟิลโอเร(เฟลท์): กังวลใจเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?

ฟิลโอเรเอ่ยถามเช่นนั้นหลังจากที่เห็นไฮน์เคลเอามือกุมใบหน้า เธอควรจะสับสนยิ่งกว่าใครแท้ๆ แต่ก็ยังห่วงใยผู้อื่นสมกับที่เป็นราชวงศ์ลูกุนิก้า

ข้อเท็จจริงอันโหดร้ายก็คือ ตั้งแต่วินาทีที่อำนาจ [ตะกละ] ใช้งานได้ผล ตัวตนที่แท้จริงของเธอผู้นี้ก็ได้รับการยืนยันว่าคือ “ฟิลโอเร ลูกุนิก้า” ไม่ผิดแน่

. ไฮน์เคลมองว่าการคัดสรรกษัตริย์จบสิ้นแล้ว เดิมทีจุดประสงค์ของมันก็มีไว้เพื่อค้นหาผู้มีความเหมาะสมขึ้นครองบัลลังก์ลำดับ [ถัดไป]

แต่พอราชวงศ์ลูกุนิก้ายังมิได้สูญสิ้น ความจำเป็นของการค้นหาตัวแทนก็ไร้คุณค่าไปโดยปริยาย ทุกคนจะเพิกเฉยต่อการคัดสรรกษัตริย์กันหมด

ช่างน่าย้อนแย้งที่การเสียชีวิตของพริสซิลล่านำมาสู่เหตุการณ์ที่ข้อเท็จจริงนี้ถูกเปิดเผย ราวกับว่าโลกได้ปูทางให้ฟิลโอเรได้กลับคืนสู่บัลลังก์

ถ้าหากฟิลโอเรได้ขึ้นครองบัลลังก์ ลูอันน่าฟื้นจากการหลับใหล และ [แม่มดแห่งริษยา] ล่าถอยกลับไป ไฮน์เคลก็ไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

อัล: อัลเตอร์ นี่คือวิธีคลี่คลายปัญหาแบบราบรื่นที่สุดแล้วล่ะ ติดใจอะไรไหม?

อัลเตอร์: …แทบไม่มี จุดที่ชั้นยอมประนีประนอมได้ก็คือการที่ไม่ทำร้ายคุณหนูนี่แหละ เป็นกลยุทธ์คลี่คลายปัญหาที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ ออริจิน เพียงแต่ว่า――

อัล: แต่ว่าอะไร?

อัลเตอร์: ออริจินเป็นคนคิดกลยุทธ์นี้เองคนเดียวงั้นเหรอ? ไม่สมกับเป็นนายเท่าไหร่เลยนะ

อัล: …

. ปัญหาหนักใจที่ไฮน์เคลเผชิญอยู่ถูกพับเก็บไปชั่วคราว แต่ปัญหาใหม่ที่ผุดขึ้นมาก็คือจะพาตัวฟิลโอเรผู้ไร้ [ความทรงจำ] ติดตามพวกตนไปด้วยอย่างไรดี

อัล: …จริงด้วยสิ สัญญากับเตี่ยไว้แล้วนี่นะ

ไฮน์เคล: หา? สัญญาอะไร?

อัล: ที่ทางนี้บอกว่าจะจัดการเรื่องเฟลท์ …ไม่สิ ที่บอกว่าจะจัดการเรื่องคุณหนูฟิลโอเรให้เองยังไงล่ะ

ว่าแล้วอัลเดบารันจึง [จัดการ] ตามที่เขาบอกอย่างเฉยเมยและไร้เยื่อใยในขณะที่ปล่อยให้ไฮน์เคลอ้ำอึ้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า

ผลลัพธ์จากการ [จัดการ] ดังกล่าวทำให้ฟิลโอเรถูกผนึกอยู่ภายในลูกแก้วสีดำขนาดเท่าถุงหมากเก็บ แล้วอัลเดบารันก็ส่งมันต่อให้ไฮน์เคล

ทัศนคติของอัลเดบารันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขาเด็ดขาดมากขึ้น แถมยังยอมอนุญาตให้ [ตะกละ] มีขอบเขตการใช้งานอำนาจมากยิ่งขึ้น

ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างอัลเดบารันกับยาเอะเอย ความรู้สึกที่ [มังกรเทพ] มีต่อฟิลโอเรเอย ไฮน์เคลสัมผัสได้ว่าช่องว่างระหว่างกลุ่มเริ่มแตกแยกมากยิ่งขึ้น

ไฮน์เคล: ――ขอแค่ชั้นรักษาสติไว้ได้สักคนก็ยังดี

ถ้าหากกลุ่มนี้พังทลายลงก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย ทุกอย่างก็จะยิ่งเลวร้ายลง เพราะงั้นไฮน์เคลจึงสาบานเช่นนั้นต่อหน้าลูกแก้วสีดำในฝ่ามือ

. ไฮน์เคล: …ถ้าไม่อยากให้ท่านฟิลโอเรต้องเจ็บตัวก็ถอยไปซะ!

แต่แล้วคำสาบานก็ไม่ยืนยง พอสถานการณ์จนมุม ไฮน์เคลก็ตัดสินใจพังลูกแก้วสีดำเพื่อปลดปล่อยฟิลโอเรออกมาใช้เป็นตัวประกัน

แกสตอน: เฟลท์ …กรอด

พอเห็นดาบจ่ออยู่ที่ลำคอของเด็กสาว แฟรม กราซิส และชายร่างใหญ่ก็ถูกบีบให้หยุดจู่โจม สายตาของพวกเขามีทั้งความขุ่นเคือง ความชิงชัง และความสับสน

ในมุมมองของฝ่ายนั้น อยู่ดีๆ ฟิลโอเรก็ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน แถมไฮน์เคลยังเรียกเธอด้วยนามที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอีกต่างหาก

ไฮน์เคล: ขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับ ไม่อยากจะทำอะไรรุนแรงเลย รบกวนให้ความร่วมมือด้วย

ก่อนหน้านี้เขาเพิกเฉยต่อสีผมและสีตาของเธอมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ยืนยันตัวตนว่าเธอคือฟิลโอเรแล้ว ไฮน์เคลก็มิอาจวางตัวแบบเดิมได้อีกต่อไป

ไฮน์เคลได้รับการปลูกฝังมาจากพ่อแม่ให้ภักดีต่อราชวงศ์ลูกุนิก้า เศษเสี้ยวความดีในตัวเขาจึงบ่งบอกให้รักษามารยาทที่เหมาะสมต่อฟิลโอเร

. เดิมทีตั้งใจว่าจะไม่เอาฟิลโอเรมาเกี่ยวข้องกับศึกนี้แท้ๆ แต่สุดท้ายไฮน์เคลก็กลับกลอกยามเข้าตาจน กระนั้นไพ่ตายตัวประกันก็ได้ผลชะงัด

ในเมื่อพวกอัลเดบารันหายไปไหนก็ไม่รู้ สิ่งสำคัญลำดับแรกจึงเป็นการยืนยันความปลอดภัยให้แก่ตัวเขาและรอยในสนามรบแห่งนี้ก่อน

รอม: ――เฟลท์!!

ตอนนั้นเองที่เสียงตะโกนดังกังวาลขึ้นมา มันเปี่ยมไปด้วยความสุขใจที่ได้กลับมาพบคนสำคัญ ความกังวลต่อความปลอดภัย และปณิธานที่จะพาตัวอีกฝ่ายกลับมา

อารมณ์รุนแรงจากอีกฝ่ายส่งต่อมาถึงจนกระทั่งฟิลโอเรผู้ไร้ซึ่ง [ความทรงจำ] ยังสะดุ้ง ดวงตาสีแดงของราชวงศ์สบตากับยักษ์ชรา จากนั้นก็…

ฟิลโอเร(เฟลท์): ――ปู่รอม! ให้พวกแกสตอนถอยไปก่อน! “เจ้านั่น” กำลังจะมา!!

[ราชสีห์ทองคำ] สลัดความเป็นราชวงศ์ทิ้งแล้วประกาศออกมาเช่นนั้นอย่างห้าวหาญและองอาจ ราวกับว่า [ความทรงจำ] ของเธอกลับคืนมา

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เรียกผู้อื่นด้วยชื่อเล่นไปชั่วชีวิตค่ะ”

. เสียงเพรียกหาจากบุคคลสำคัญมิได้เปลี่ยนให้ [ฟิลโอเร] กลับไปเป็น [เฟลท์] แต่อย่างใด ปาฏิหาริย์เช่นนั้นไม่วันเกิดขึ้นกับเหยื่อของ [ตะกละ]

ฝั่งไฮน์เคลอาจจะเข้าใจผิดเช่นนั้น แต่ความเป็นจริงมันแสนจะเรียบง่ายและชัดเจน ――เฟลท์มิได้ถูกรอยกิน [ความทรงจำ] เข้าไปตั้งแต่แรก

รอย: ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ พวกเราจะต้องกิน [ความทรงจำ] ของเฟลท์จังเข้าไปด้วยอ่ะน้า ――เฟลท์จัง มาร่วมมือกับพวกผมดีไหม?

ย้อนไปก่อนหน้านี้ หลังจากที่อัลเดบารันตัดสินใจที่จะ [จัดการ] กับเฟลท์ผู้กลายเป็นชนวนความขัดแย้งภายในกลุ่ม รอยก็ได้แอบมาเสวนากับเธอก่อน

อัลเดบารันตั้งใจจะให้รอยลบ [ความทรงจำ] เรื่องที่เฟลท์ไม่ควรรู้ออกไป พ่วงด้วยการเปลี่ยนนิสัยขยันหาเรื่องให้ก่อความวุ่นวายน้อยลง

. รอยมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาไม่สู้ดีนัก ทั้งถูกสลักอักขระคำสาป แถมยังมีแววจะถูกกำจัดทิ้งตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี

เพราะงั้นรอยจึงเสนอให้เฟลท์แสร้งทำเป็นสูญเสีย [ความทรงจำ] แล้วรอจังหวะแก้แค้นพวกอัล ส่วนรอยจะอาศัยความวุ่นวายที่เฟลท์สร้างเพื่อหลบหนีไปอีกที

เฟลท์สวนกลับว่าเธอสามารถเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพวกอัลเพื่อกำจัดรอยทิ้งได้ แต่รอยกลับปรบมือดีใจว่านั่นก็เป็นการสร้างสถานการณ์วุ่นวายที่ดีเช่นกัน

เฟลท์ยอมแพ้ที่จะอ่านเจตนาของอีกฝ่าย แต่ฝั่งเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น ขืนไม่รับข้อเสนอของรอย เธอมีหวังได้ถูกกิน [ความทรงจำ] เป็นแน่

เฟลท์: แต่ว่า การจะกินชั้นมันจำเป็นรู้ชื่อของชั้นด้วยนี่หว่า ที่พี่น้องของแกต้องอ้วกแตกอ้วกแตนก็เพราะว่าไม่รู้เรื่องนั้นนั่นแหละนะ

รอย: ก็นะ มันก็จริงแหละ แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เฟลท์จังเองก็คงรู้อยู่ใช่ไหม? ว่าชื่อจริงของตัวเองอาจจะตรงกับองค์หญิงผู้โด่งดังในฐานะโศกนาฏกรรมของราชอาณาจักรน่ะ

เฟลท์: …

รอย: อา นี่หรือว่าอยากจะยืนยันเรื่องนั้นกันนะ? ถ้าหาก [อุปราคา] ใช้ได้ผลกับชื่อนั้นล่ะก็ พวกผมก็จะรับเอา [ความทรงจำ] ไป แต่ก็ถือเป็นการยืนยันนั่นแหละเนอะ สนใจไหม?

เฟลท์: เหอะ ยั่วยุได้ห่วยแตกจริงนะ ――เอาด้วยก็ได้

. เฟลท์ไม่สนใจว่าตัวจริงของเธอคือใครกันแน่ แถมการถูกลบ [ความทรงจำ] จนไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็น

เธอใช้ชีวิตในฐานะบุคคลชื่อ [เฟลท์] มาโดยตลอด ชีวิตที่ตัวเธอมิใช่ [เฟลท์] มันจึงไม่ใช่ชีวิตอีกต่อไป ดังนั้น เฟลท์เลยทำตามแผนน่าชิงชังของ [ตะกละ]

เฟลท์: ผู้ชนะจะมีแค่ชั้นคนเดียว

รอย: หุหุ อะฮ่าฮ่า! กะแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนั้น! เราเชื่อนะ! แต่ว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เฟลท์จังชนะอยู่ฝ่ายเดียว พวกเราคงต้องขอใช้หลักประกันแบบเต็มพิกัดหน่อยนะ?

เฟลท์: หลักประกันงั้นเร้อ? อย่าพูดอะไรเห่ยๆ แบบนั้นเซ่ เดิมพันแบบตาเดียวจบไปเลย

รอย: ความใจเด็ดแบบนั้นมันก็เท่อยู่หรอกน้า แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกผมน่ะมันไม่ใช่ศักดิ์ศรีหรอก ――“จะเป็นฝ่ายกินหรือถูกกิน” แค่นั้นแหละที่สำคัญ

ประโยคนั้นคือการเฉลิมฉลองให้แก่สัญญาลับระหว่างทั้งสอง หลังจากนั้นรอยก็แสร้งทำเป็นกิน [ความทรงจำ] ของเฟลท์ตามสัญญา

ส่วนเฟลท์ก็ต้องตีเนียนสวมบทบาทเป็น “ฟิลโอเร ลูกุนิก้า” ราชวงศ์ที่เธอมิได้รู้จัก เพราะงั้น เฟลท์จึงใช้ครูชหลังสูญเสียความทรงจำเป็นต้นแบบ

พวกอัลเดบารันและไฮน์เคลแลดูจะหลงเชื่อ เคราะห์ดีที่เฟลท์ถูกอัลใช้เวทมนตร์ผนึกไว้ในลูกแก้วสีดำแต่เนิ่นๆ เลยไม่มีใครทันจับผิดการแสดงของเธอ

. การติดอยู่ภายในลูกแก้วเป็นความรู้สึกอึดอัดเกินจะทนไหว แต่มันก็ได้ช่วยเฟลท์เอาไว้ เพราะขืนต้องสวมบทบาทนานกว่านั้นความอาจจะแตกได้

แล้วถ้าหากเฟลท์เผลอพลาดทำความแตกหรือทำอะไรที่เป็นการหักหลังรอยขึ้นมา [หลักประกัน] ก็จะทำงานตามที่เขาได้ขู่เอาไว้

เฟลท์: ――มันกำลังจะออกมาจากเงาของชั้นแล้ว!!

ไพ่ที่บิชอปมหาบาป [ตะกละ] รอย อัลฟาร์ดหมอบเอาไว้ถูกหงายขึ้นมา มันคือหนึ่งในสามมหาสัตว์มารเคียงคู่กับ [วาฬขาว] และ [กระต่ายใหญ่]

เฟลท์: ――งูดำน่ะ!!

ไพ่ตายสำหรับหลบหนีจากเงื้อมมือของพวกอัลเดบารัน สัตว์มารแห่งโรคร้ายที่เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตไปมากที่สุดภายในโลกใบนี้นับตั้งแต่ที่มันถือกำเนิด

ผลลัพธ์ของการแหกข้อตกลงตามสัญญาลับส่งผลให้ [งูดำ] ได้ปรากฏตัวออกมาสู่สนามรบที่ทั้งสองฝ่ายกำลังห้ำหั่นกันอยู่อย่างดุเดือด

. จบตอน