re zero webnovel arc9 chapter46 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 46 "แม่มดแห่งโศกา" พาร์ท 1

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่จู้จี้จุกจิกไปชั่วชีวิตค่ะ”

. ――ย้อนความเล็กน้อยว่าเหตุใดเพทร่า เลย์เตจึงกลายมาเป็น [แม่มดแห่งโศกา] ได้

เนื่องจากคลินด์ติดพันการรับมือกับ [มังกรเทพ] วอลคานิก้า บทบาทผู้ถือครองปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ในศึกนี้จึงต้องมอบหมายเป็นผู้อื่นแทน

เอมิเลียกับเมลี่ที่มีความสามารถต่อสู้สูงอยู่แล้วและเรมที่ได้รับมอบหมายบทบาทอื่นถูกตัดทิ้งไปก่อน ตัวเลือกจึงเหลือปู่รอม รัม และเพทร่า

สุดท้ายแล้วสาเหตุที่เพทร่าถูกรับเลือกก็เป็นเพราะว่าเธอสามารถใช้งานอำนาจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด

【เฟลท์: ――บิชอปมหาบาปตะกละ …ไอ้เวรรอยนั่น เล่นคุยโวว่าจะสวาปามแบบไม่เลือกหน้า แต่ไพ่ในมือของมันก็ไม่ธรรมดาเลยนี่หว่า เอาไงดี?】

【แฟรม: โจมตีได้ทั้งระยะประชิด ระยะกลาง และระยะไกลนี่รับมือยากจริงค่ะ】

【กราซิส: ขี้โกง เหมือนนายน้อยเลย】

【แกสตัน/ราจินส์: ถ้าเหมือนไรน์ฮาร์ดก็ไม่มีใครชนะมันได้น่ะสิว้อย!】

【เพทร่า: ส่งเสียงดังอะไรนักหนาคะ! กราซิส อย่าพูดพล่อยๆ แบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ท้อแท้กันหมดหรอก】

【รัม: หึ! สนิทกันเชียวนะ ถ้ารู้สึกเหมือนว่าชนะแล้วทั้งที ก็แบ่งปันความรู้สึกนั่นมาให้รัมบ้างสิ?】

【รอม: ยัยหนูนี่ประชดเก่งแท้…】

【เฟลท์: แต่ที่พี่สาวเมดพูดมาก็ถูกนั่นแหละ เล่นไพ่ไหนต่อดี?】

【รอม: หลักๆ ก็เดินเกมตามเดิมไปก่อน อีกฝ่ายมีไพ่ในมือที่โจมตีได้จากทุกระยะก็จริงอยู่… แต่ไม่ว่าจะมีไพ่ในมือสักกี่ใบ สุดท้ายก็มีแค่หัวเดียวที่เลือกไพ่อยู่ดี ถ้าโดนโจมตีเป็นระลอกไปเรื่อยๆ อีกเดี๋ยวก็เล่นไพ่พลาดเองอย่างแน่นอน】

【เพทร่า: ต่อให้ไม่เป็นแบบนั้น บาดแผลของอีกฝ่ายก็สาหัสอยู่ดี แล้วพอถึงขีดจำกัดเมื่อไหร่ก็จะอยากฝืนเปลี่ยนสถานการณ์เองสินะ สุดยอดไปเลยค่ะท่านรอม】

【เฟลท์: หึ ปู่รอมของชั้นน่ะโคตรเจ๋งใช่ไหมล่ะ?】

【แฟรม: นั่นสินะคะ ท่านรอมพึ่งพาได้มากเลยค่ะ】

【กราซิส: แปะๆ ท่านรอม】

【ราจินส์: นี่อยู่ระหว่างศึกที่เดิมพันด้วยชีวิตนะเฟ้ย!】

【เมลี่: โทษทีที่ต้องขัดตอนสนุกกันอยู่ แต่พอดีต้องคุยกับพวกน้องราชันอาชาหิวโหยหลายอย่างเลย หัวฉันแทบจะระเบิดแล้วนะเนี่ย?】

ทุกคน: ――ขอโทษด้วยครับ/ค่ะ!!】

การประชุมกลยุทธ์ที่ถกเถียงลากยาวกว่าจะได้เบสต์ไอเดียออกมาถูก [บีบย่อ] โดยอำนาจบาป [โศกา] จนจบลงภายในชั่วพริบตา

นี่คือวิธีการใช้งาน [บีบย่อ] ที่อิมาจินารี่สุบารุกับเพทร่าช่วยกันคิดค้นขึ้นมา เพทร่าแอบคิดด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมาคลินด์ใช้อำนาจแบบเถรตรงเกินไป

. การพกกล่องบรรจุปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ที่ได้รับมาจากคลินด์ไว้กับตัวทำให้เพทร่าสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดล่อลวงใจอันน่าสะพรึงกลัว

มันคอยล่อลวงเธอด้วยความคิดทำนอง [ทำแบบนั้นก็ได้นะ] กับ [ทำแบบนี้ก็ได้นะ] อยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าหากต้านทานไม่ไหวก็จะหลงระเลิงไปกับอำนาจและสูญสิ้นความเป็นมนุษย์

ทั้ง [แม่มดแห่งโลภะ] และบิชอปมหาบาป [เกียจคร้าน] เพเทลกิอุส โรมาเนคอนติเองก็คงจะต้านทานการล่อลวงแสนหอมหวานจากปัจจัยแม่มดไม่ไหว

ทว่า เพทร่านั้นมีสิ่งค้ำจุนจิตใจอยู่ ทั้งการสนทนา รอยยิ้ม และการให้กำลังใจจาก [สุบารุ] ช่วยประคองสติและมอบความกล้าหาญให้แก่เธอ

【สุบารุ: เพทร่า! ช่วยฟอลโล่(สนับสนุน)ทนจินหน่อย!】

เพทร่า: คุณคันเขายังพักอยู่สินะ! วางใจได้เลย!

ว่าแล้วเพทร่าจึงช่วยบีบย่อกระบวนการคิดและการสื่อสารระหว่างแกสตอนกับราจินส์ที่ต้องเผชิญหน้ากับคราบโสมมและเคียวโลหิตพร้อมๆ กัน

แกสตอนสวิทช์มาใช้วิชา [ครรลองสายธาร] รับเคียวโลหิตเอาไว้ ส่วนราจินส์ก็รัวยิงลูกไฟเป็นปืนแกตลิ่งเพื่อสอยคราบโสมมทิ้ง

. [สุบารุ] หันมาธัมส์อัพ(ชูนิ้วโป้ง)ให้แก่ความสำเร็จ การมีเขาอยู่ด้วยทำให้เพทร่าไม่เดียวดายเหมือนกับผู้ถือครองคนอื่นและไม่กลายเป็น [แม่มดแห่งโศกา] เต็มตัว

เพทร่า: ก็เพราะไม่อยากถูกสุบารุเกลียดนี่นา

ต่อให้จะโดนล้อว่าข้ออ้างไร้สาระ เพทร่าก็ไม่สนใจ นี่คือศึกสำคัญเพื่อปกป้องโลกและการคัดสรรกษัตริย์ เธอจึงยอมสร้างข้ออ้างได้เรื่อยๆ เพื่อตอบรับความคาดหวังที่แบกไว้บนบ่า

“กระทั่งท่านพี่รัมที่ปกติขี้เกียจยังพยายามอย่างหนัก ท่านพี่เฟรเดริก้าคงกำลังภาวนาให้เราอยู่ คุณออตโต้ฝืนเกินตัวตลอด ไม่ชอบหลงกลไปตามแผนของนายท่านเลย อยากให้ท่านพี่เอมิเลียกับท่านพี่เรมได้เห็นด้านดีๆ ของเรา จะพยายามแทนส่วนของคุณการ์ฟเอง เมลี่จัง อย่าได้กังวลไปเลยนะ เบียทริซจังอย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวจะช่วยออกมาเอง”

“เหตุผลเหล่านั้นช่วยให้ฉันพยายามอย่างเต็มที่ แต่เหตุผลหลักก็คือคุณ(สุบารุ) เพราะว่าไม่อยากให้คุณเห็นด้านที่ดูแย่ เพราะว่าไม่อยากพลาดท่าต่อหน้าคุณ เพราะว่าอยากให้คุณที่หลงใหลบุคคลที่เปล่งประกายอยู่แล้วหันมามอง ฉันจึงต้องแสร้งเปล่งประกายแบบปลอมๆ อยู่ตลอด”

“ปัจจัยแม่มดอะไรนั่นไม่จำเป็นหรอก ――เพราะว่าทั้งหมดของตัวฉันน่ะ ประกอบขึ้นด้วยความรักและความหลงใหลยังไงล่ะ”

เพทร่า: เพราะงั้นแหละ แค่นี้ยังจิ๊บจ้อย

ต่อให้ปัจจัยแม่มดจะพยายามล่อลวงแค่ไหน เพทร่าก็จะไม่ยอมหลงกล ตราบใดที่เธอมีหัวใจรักนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น [ตะกละ] หรืองูดำก็มิได้น่ากลัวเลยสักนิด

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เสียน้ำตาเพื่อใครไปชั่วชีวิตค่ะ”

. ผลงานของกลุ่มอัลเดบัสเตอร์สหรือที่เรียกให้ถูกคือ [แม่มดแห่งโศกา] และเหล่าสาวกนั้นเหนือความคาดหมายและจินตนาการของรอยไปไกล

[แม่มดแห่งโศกา] ใช้อำนาจแบบเต็มประสิทธิภาพเพื่อปูทางให้พวกเฟลท์ดึงศักยภาพสูงสุดออกมาตอบโต้อำนาจบาป [ตะกละ] ได้สำเร็จ

รอยยังไม่เข้าใจว่าเพทร่าทำอะไรกันแน่ก็จริง แต่ที่แน่ๆ ปัจจัยบาป [โศกา] นั้นเป็นสิ่งบกพร่องที่ไม่เข้ากับผู้ใดและยังเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้ใช้งาน

รอย: เข้าใจนะ เข้าใจแหละ เพราะว่าเพทร่าจังน่ะรักคุณนัตสึกินี่เนอะ

ข้อมูลใน [ความทรงจำ] ที่ดึงออกมาจาก [กระเพาะแห่งดวงจิต] ช่วยยืนยันว่า [แม่มด] ผู้ถือกำเนิดใหม่คนนี้พร้อมที่จะทุ่มจ่ายหมดหน้าตักเพื่อหัวใจรักที่ลุกโชน

กระนั้นค่าชดเชยที่เพทร่างัดออกมาจ่ายได้ย่อมมีอยู่จำกัด แต่ฝั่งรอยก็ดึงดันไม่ยอมสมานแผลเพื่อเปลี่ยนเลือดของตนให้กลายเป็นยุทโธปกรณ์เช่นกัน

ศึกนี้คือการวัดว่าฝ่ายใดจะถึงขีดจำกัดก่อนกัน ค่าชดเชยที่เพทร่าจ่ายไหวหรือพลังชีวิตที่กำลังนับถอยหลังของรอย ใครจะเป็นฝ่ายกินและฝ่ายที่ถูกกิน

. ในฐานะ [กินไม่เลือก] รอย อัลฟาร์ดได้กิน ดื่ม กัด เขมือบ เคี้ยว และใช้ [อุปราคา] ช่วงชิงชีวิตมากมายเพื่อเติมเต็มความหิวโหยที่เขามีแต่กำเนิด

แต่ไม่ว่าจะ [อุปราคา] สักกี่รอบ เขาก็ค้นพบแต่รสชาติที่ชวนให้ผิดหวัง หดหู่ และท้อแท้ รอยจึงเริ่มกังวลว่าความหิวของตนอาจไม่มีวันถูกเติมเต็ม

【คาเพลล่า: แกมันก็ไม่ได้พิเศษพิโสอะไรขนาดนั้นนี่? ไม่ว่าจะเป็นดิฉันหรือไอ้อีตัวไหนก็ตาม ทุกคน ทู๊กทุกคน จะใครหน้าไหนก็ล้วนแต่แสวงหาความรักที่มิอาจเติมเต็มได้กันทั้งนั้นแหละค่า ไอ้สิ่งไร้นามที่แกปรารถนานั่นน่ะ ลองให้ดิฉันช่วยตามหาดูดีจะไม่ดีกว่าเหรอคะ สิ่งที่ดิฉันต้องการเป็นผลตอบแทนในส่วนนั้นก็คือ …รู้กันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?】

อสุรกายที่สถาปนาตนเองเป็นแม่ของรอยแสยะยิ้มอย่างยั่วยวนและวิปริต แต่เขายอมตกลงไปเพื่อที่ต่างฝ่ายต่างจะได้ใช้งานกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

ไรเสาะหาหนทางสู่การเติมเต็มความหิวโหยโดยการประเมินคุณค่าอาหารแต่ละจาน ส่วนรุยก็มีวิธีการเติมเต็มความหิวโหยที่วาดฝันไว้ชัดเจนอยู่แล้ว

มีเพียงแค่รอยคนเดียวที่ไร้เป้าหมายรูปธรรม เขาจึงกินและกุมมือที่เปี่ยมด้วยความรักแบบมืดบอดต่อไป จนกระทั่งรอยได้พบชายผู้หนึ่งที่หอคอยกลางทะเลทราย

【เรด: เอ้า ลองดูสิ กลืนกินข้าเข้าไปแล้วจะเป็นหรือตายกันแน่ อยากลองไหมเล่า เอ็งน่ะ】

“เรด แอสเทรอา” มีดวงจิตที่ท่วมท้นจนรอยมิอาจเป็นภาชนะรองรับเขาได้ ประสบการณ์พบเจอกับ [นักดาบเทวา] รุ่นแรกได้เปลี่ยนรอยไปตลอดกาล

【เรด: มันไม่ได้แปลกเลยโว้ย เอ็งเอ๋ย “จะกินหรือถูกกิน” ชีวิตมันก็มีอยู่แค่นั้นแหละ】

“อา ใช่เลยล่ะ ถูกเผงเลยล่ะ” ในที่สุดรอยก็ค้นพบสิ่งที่เขาต้องการ มันคือความรู้สึกยินดีที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่

【คาเพลล่า: การที่ดิฉันจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้แก่สิ่งที่ปรารถนาน่ะ มันไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยนี่คะ?】

“อา ใช่เลยล่ะ ถูกเผงเลยล่ะ” ถึงแม้ว่ารอยจะมิได้รักหรือเคารพเธอเลยสักนิด แต่คำสอนของคุณแม่ก็ถูกต้องแบบไร้ข้อกังขา

รอย: ถ้าไม่ทุ่มเทลูกไม้ทั้งหมดทั้งมวลที่มีอยู่ในมือแบบไม่มีกั๊ก มันก็เรียกว่าความรักไม่ได้สิเนอะ!

. ในเมื่อฝั่งศัตรูทุ่มเทแบบเกินขีดจำกัด รอยก็จะตอบสนองแบบเท่าเทียมกันเพื่อสวาปามมื้ออาหารที่ตระเตรียมไว้ให้พร้อมนี้ มิให้นาม [ตะกละ] ต้องร่ำไห้

ในขณะที่โวลเทจ(แรงดันไฟฟ้า)ในหัวใจพุ่งสู่จุดสูงสุด ขาแมลงของรอยที่สร้างขึ้นจากเลือดก็เริ่มขยับเป็นจังหวะเดียวกันกับที่งูดำยืดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกรอบ

สายลมพัดพาโรคร้ายจากเสาโสมมให้ปลิวว่อนไปทั่วสนามรบ พร้อมที่จะย้อมป่าให้กลายเป็นสีดำและสังหารทุกสิ่งมีชีวิตที่สัมผัสโดน

เฟลท์: ――มีชีวิต!

ทุกคน: ――อย่างเข้มแข็ง!!

การประสานเสียงแสนเรียบง่ายนั้นคือสัญญาณโต้กลับ สายลมของรัมผ่าคลื่นสีดำจนแยกออก จากนั้นฝูงสัตว์มารของเมลี่ก็วิ่งถางป่าเพื่อเปิดทาง

เหล่าชายฉกรรจ์ใช้พละกำลังดุจค้อนปอนด์หวดผืนดินจนแยกออกเพื่อนำมาสร้างเป็นกำแพงป้องกันพิษร้ายต่อ การประสานงานของพวกเขาโกงความตายมาได้อีกครา

รอย: จากเท่าที่เห็น อำนาจของเพทร่าจังคือการลดขั้นตอนของเหตุการณ์ใช่ไหมล่ะ?

เพทร่า: แบร่ ไม่บอกหรอก

รอย: ตอกกลับซะเย็นชาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นน้า!

รอยที่สวมเกราะโลหิตพุ่งเข้าไปจู่โจมพร้อมคราบโสมมที่ร่วงหล่นลงมาเป็นฝนต่อ เขาผสานทั้งหมัดมวย เวทมนตร์ และบทเพลงต้องสาปเข้าด้วยกัน

แต่ไม่ว่าจะต้องรับมือกับพลังเหนือสามัญสำนึกรูปแบบใด ฝั่งศัตรูก็ยังประสานทักษะกายภาพกับเวทมนตร์เพื่อปกป้องกันและกันจนเอาตัวรอดมาได้อยู่ดี

. กระทั่งระหว่างการต่อสู้ รอยก็ยังคงจับตาดูเหยื่อเพื่อทำการวิเคราะห์อย่างไม่ลดละ เขาประเมินได้คร่าวๆ ว่าอำนาจของ [แม่มดแห่งโศกา] น่าจะเป็น [ลัดขั้นตอน]

ทั้งเวลากับระยะทางที่ใช้เดินทางหรือระยะเวลาที่ใช้คิดวิเคราะห์กับตัดสินใจล้วนแต่ถูกลดย่อขั้นตอนให้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา

สาวกแห่ง [โศกา] ถึงได้โผล่ๆ หายๆ อยู่ตลอดศึก แถมสมาชิกใหม่ที่พึ่งโผล่มาก็ยังปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทันที เนื่องจากความลังเลและความสับสนถูก [ลัดขั้นตอน] ทิ้งไป

แอดแวนเทจ(ข้อได้เปรียบ)ที่ฝั่งรอยมีอยู่ก็คืองูดำ ต่อให้ [แม่มดแห่งโศกา] จะโค่นเขาลงได้ พวกเธอก็ต้องหาทางรับมือกับเจ้าสัตว์มารแสนร้ายกาจต่ออยู่ดี

ดังนั้นแล้ว ในสถานการณ์ที่อีกฝั่งต้องกั๊กไพ่ที่มีอยู่และออมแรงไว้สู้ต่อยกที่สองเช่นนี้นี่แหละ คือจังหวะที่เหมาะสมที่สุดต่อการงัด [อุปราคา] ออกมาใช้

ร่างมหึมาของงูดำยืดขึ้นสู่ฟากฟ้าไปสแตนด์บายรอที่จะกระจายคราบโสมมออกมาอีกครั้ง แล้วพอ [แม่มดแห่งโศกา] ตั้งท่าเตรียมตอบโต้ รอยก็ปลดปล่อย [ความทรงจำ] ออกมา

รอย: ――[ดาวแฝดอุปราคา]

มิใช่ทั้ง [สุริยุปราคา] หรือ [จันทรุปราคา] หากแต่เป็นเทเบิลแมนเนอร์(มารยาทบนโต๊ะอาหาร)แบบออริจินัลที่รอย อัลฟาร์ดคิดค้นขึ้นมาใหม่

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่ขอพรจากดวงดาวร่วมกับใครไปชั่วชีวิตค่ะ”

. ประสบการณ์ที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดสได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดการรับประทานอาหารของ [กินไม่เลือก] ให้หันมาเคารพต่อทุกวัตถุดิบที่พบเจอ

ในโลกใบนี้ไม่มีวัตถุดิบที่แย่อยู่หรอก มีแต่คนกินที่ลิ้นไม่ถึงหรือพ่อครัวที่ปรุงไม่เป็น ต่อให้เป็นปลาที่มีพิษ ถ้าหากกำจัดต่อมพิษได้ถูกวิธีก็สามารถรับประทานได้

เหยื่อของ [ตะกละ] เองก็ไม่ต่างกัน ไม่มีวัตถุดิบใดที่ไร้ค่าตั้งแต่หัวจรดหาง ทุกวัตถุดิบย่อมมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้

ดังนั้นแล้ว รอย อัลฟาร์ดจึงปลดปล่อย [ความทรงจำ] นับไม่ถ้วนจาก [กระเพาะแห่งดวงจิต] ที่เขาเคยมองว่าไร้คุณค่าแก่การจดจำออกมาสู่สนามรบ

รอย: ――[ความทรงจำแห่งความเจ็บปวด]

ไม่ว่าใครก็ต้องเคยมีความทรงจำที่แสนเจ็บปวดปวดร้าวกันทั้งนั้น รอยจึงทำการดึง [ความทรงจำแห่งความเจ็บปวด] เหล่านี้ออกมาเบลนด์(คลุกเคล้า)เข้าด้วยกัน

[ความทรงจำ] นั้นไม่มีรูปลักษณ์ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มันจึงเป็นการโจมตีแบบนามธรรมที่รอยยัดเยียดใส่ศัตรูโดยที่อีกฝ่ายมิอาจจะหลบหลีกได้

. การสัมผัสโดน [ความทรงจำแห่งความเจ็บปวด] ที่มิใช่ของตนเองย่อมไม่ได้ส่งผลให้มองเห็นความทรงจำที่เจ้าตัวไม่เคยมีอยู่แต่อย่างใด

สิ่งที่เกิดขึ้นแทนคือเหยื่อจะระลึกถึง [ความทรงจำ] ของตนเองที่คล้ายคลึงกับ [ความทรงจำแห่งความเจ็บปวด] นั้นแบบต่อเนื่องเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่

ทุกคน: ――ว้ากกกกกกก!!

เหล่านักรบที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวเริ่มกรีดร้องออกมา ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง มือกุมส่วนใดส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำอันขมขื่นเอาไว้

ความเจ็บปวดของบาดแผลในอดีตถูกกระตุ้นกลับมาหลอกหลอน มิหนำซ้ำการสัมผัสกับมันรอบสองก็มิได้ช่วยให้ต้านทานได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เหล่าสาวกแห่ง [โศกา] ทั้งเฟลท์ รัม ปู่รอม เมลี่ แฟรม กราซิส แกสตอน ราจินส์ และดอลเทโร่ต่างทุกข์ทรมานจนทนไม่ไหวกันพร้อมหน้า

【สุบารุ: ――เพทร่า!!】

ทว่า ผู้ที่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังที่สุดก็คือเพทร่า เลย์เตที่ต้องสัมผัสประสบการณ์แสนปวดร้าวที่นำพานัตสึกิ สุบารุไปสู่ [ความตาย]

. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่นัดพบกับใครอีกไปชั่วชีวิตค่ะ”

. เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ

เจ็บที่ท้องถูกผ่า เจ็บที่ลูกตาถูกขยี้ เจ็บที่หน้าอกถูกแทง เจ็บที่ถูกลอบโจมตีจากข้างหลัง เจ็บที่ใช้มีดไม่คล่องจนบาดนิ้วตัวเอง เจ็บที่นิ้วลอกหลังล้างจาน เจ็บที่จู่ๆ ศีรษะก็ถูกขยี้แหลก เจ็บที่ร่างกายถูกทรมานหลังได้ยินเสียงโซ่ เจ็บที่ลำคอถูกสายลมกระซวก เจ็บที่ร่วงไปใส่หินแหลมหลังโดดหน้าผา เจ็บทั้งกายและใจหลังพ่ายแพ้ยับในการดวล เจ็บมือและขาหลังฝึกซ้อมดาบเพื่อแสร้งทำเป็นเท่ เจ็บข้อเท้าและนิ้วมือที่ถูกเยือกแข็งจนหลุดออก เจ็บลูกตาที่ถูกเลียจนขยะแขยง เจ็บข้อมือตอนที่เรมทำลายตรวนมือทิ้ง เจ็บสะท้านไปทั่วร่างจนเข่าทรุดลงบนพื้นหิมะ เจ็บร่างกายตอนถูกออตโต้ที่สับสนผลักตกรถ เจ็บปวดต่อความน่าสมเพชที่ต้องวิ่งหนีวาฬขาวอย่างเอาเป็นเอาตาย เจ็บที่ถูกเยือกแข็งไปถึงดวงจิต เจ็บที่วงจรชีพไหลเดือดพล่านจนต้องร้องขอการุณฆาต เจ็บหน้าอกที่ถูกแทงตอนการุณฆาต เจ็บหัวใจที่ถูกบีบตอนสารภาพเรื่อง [หวนกลับจากความตาย] เจ็บปวดตอนที่ถูกอำนาจบาป [เกียจคร้าน] ไล่ล่า เจ็บตอนที่แทงคอตัวเองเพราะกลัวจะสูญเสียเรม เจ็บหน้าท้องที่ถูกผ่าในรอบหลายเดือน เจ็บที่ถูกหินกระแทก ถูกตัดแขน และถูกกินทั้งเป็น เจ็บที่ถูกสัตว์ร้ายฉีกกระฉากทั้งเป็น เจ็บที่ต้องแทงลำคอปลิดชีพตัวเอง เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ

【สุบารุ: เพทร่า! เพทร่า! ไม่ได้การแล้ว ตั้งสติไว้ เพทร่า!!】

ทั้งที่ร่างกาย จิตใจ และหัวใจของเธอควรจะมีแต่ ■■■ แท้ๆ ความเจ็บปวดยังอุตส่าห์กลบทับทุกสิ่งทุกอย่างได้อีก ทุกอณูบนร่างกายปวดร้าวไปหมด

ร่างกายถูกประกอบขึ้นด้วยความเจ็บปวดแทน ทัศนวิสัยแดงพล่า หูอื้อจนไม่ได้เสียงตนเอง เหม็นฉุนกลิ่นเลือด น้ำลายไหลย้อย ขนลุกซู่

ความทุกข์ทรมานของ ■■■■■■ ที่มิอาจเข้าใจผ่านการอ่าน [คัมภีร์ผู้วายชนม์] ไหลซึมเข้าสู่ร่างของ ■■■■■■ ครอบคลุมทั้งภายนอกและภายใน