
บทที่ 9 ตอนที่ 46 "แม่มดแห่งโศกา" พาร์ท 2
ความทรมานของ ■■■■■■ ของนัต■■■บา■ ของนัต■กิ สุบา■ ความทรมานของนัตสึกิ สุบารุนั้นมีความทรงจำอาลัยอาวรณ์แฝงมาอย่างรุนแรงด้วย
เสียใจที่ปล่อยให้เอมิเลียตาย เสียใจที่ปล่อยให้เฟลท์ตาย เสียใจที่ปล่อยให้ปู่รอมตาย เสียใจที่ปล่อยให้เรมตาย เสียใจที่ปล่อยให้ทุกคนในหมู่บ้านอารัมตาย เสียใจที่ปล่อยให้รัมตาย เสียใจที่ปล่อยให้เฟรเดริก้าตาย เสียใจที่ปล่อยให้เพทร่าตาย เสียใจที่ปล่อยให้เบียทริซตาย เสียใจที่ปล่อยให้ออตโต้ตาย เสียใจที่ปล่อยให้รอสวาลตาย เสียใจที่ปล่อยให้ริวซูตาย เสียใจที่ปล่อยให้การ์ฟีลตาย เสียใจเสียใจเสียใจ
เพทร่า: เจ็บใจชะมัด
เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ ――แต่แล้วไงล่ะ
เพทร่า: ไม่อยากจะแพ้เลย
เพราะว่ารักทุกคน ก็เลยไม่อยากจะทอดทิ้งใคร เพราะว่ารักทุกคนถึงขนาดนั้น ก็เลยไม่อยากจะทอดทิ้งใคร เพราะว่ารักคุณ(สุบารุ) ก็เลยไม่อยากจะยอมแพ้
เพทร่า: ――คิดว่าฉันคนนี้เป็นใครกัน
■■■■■■น่ะ ■■ร่า ■ย์■น่ะ เพ■ร่า ■ย์เตน่ะ ――เพทร่า เลย์เตน่ะทั้งเรียนรู้ไว มีพรสวรรค์ เปี่ยมด้วยศักยภาพ อนาคตไกล
ทั้งคนๆ นั้น ทั้งพวกเขาเหล่านั้นต่างเชื่อมั่นในตัวเพทร่า ดังนั้น จึงต้องทำให้ได้
เพทร่า: ทำได้สิ
เพทร่า เลย์เตทำได้อยู่แล้ว เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอมิได้มองผิดไป เธอต้องทำให้ได้
“ทำได้สิ ทำได้อยู่แล้ว อย่าปล่อยเป็นแค่ลมปาก ต้องทำให้ได้จริงๆ ทำเลย ทำซะ ทำได้แน่นอน ทำเลย รีบทำเลย ตอนนี้เลย! เอ้า ทำสิ ทำสิ ――ทำเลย!!”
ความเจ็บปวดคือสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว มันทำให้น้ำตาไหล นอนไม่หลับ และอาจอยู่กับเราไปชั่วชีวิต ที่สำคัญคือความเจ็บปวดนั้นรู้สึกยาวนานเกินความเป็นจริงเสมอ
เพราะงั้นเพทร่าเลยจะใช้อำนาจบาป [โศกา] ทำการ [บีบย่อ] ช่วงเวลาแห่งความปวดร้าวที่รู้สึกยาวนานเป็นชั่วนิรันดร์ของเหล่าพวกพ้องให้จบลง
เพทร่า: ทุกคน กัดฟันไว้ก่อนนะ
【สุบารุ: ――ทนอีกแค่วินาทีเดียว แต่มันจะเจ็บกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าเลย!!】
เพทร่า: ――[คอมเพรส อะโกนี่]
ที่จริงอาจจะเจ็บกว่าเดิมเป็นหมื่นเท่า แต่ไม่มีเวลาให้ใครได้เตรียมตัวทั้งนั้น เนื่องจากพลังของ [แม่มดแห่งโศกา] ได้เข้าสู่สเตจใหม่แล้ว
. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่อาลัยอาวรณ์ต่อการจากลาผู้อื่นไปชั่วชีวิตค่ะ”
. วิชาใหม่ของรอย [ดาวแฝดอุปราคา] ได้ทลายการประสานงานที่สมบูรณ์แบบของเหล่าเหยื่อจนพังพินาศ เสียงกรีดร้องแสนโกลาหลดังไปทั่วสนามรบ
รอยรู้สึกเศร้าใจจนอยากร้องไห้ให้พวกหล่อนทั้งคืนแล้วเขียนความรู้สึกลงในกวี ติดตรงที่เขาไม่มีเวลา แถมยังขาดการศึกษาจนแต่งกวีไม่เป็น
ใจจริงแล้วรอยมิได้แค้นเคืองหรือชิงชังพวกหล่อนเลย มีแต่ความรู้สึกรักแบบซิมเปิล แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเห็นเหล่าคนรักทนทุกข์ทรมานหรอก
ความทุกข์เป็นเพียงสไปซ์ที่เติมสีสันให้แก่ชีวิต ซึ่งไม่มีคนบ้าที่ไหนเอาสไปซ์มาเป็นเมนดิชหรอก รอยเองก็มิได้โหดร้ายถึงเพียงนั้น
หลัง [ความทรงจำแห่งความเจ็บปวด] ของเหล่าเหยื่อถูกกระตุ้นจนการเคลื่อนไหวชะงักไป ก็ถึงตางูดำโปรยปรายคราบโสมมซ้ำต่อ
พิษร้ายจากเศียรนี้ของงูดำโดนแล้วไม่ถึงตาย แต่มันมีอิทธิฤทธิ์ [ชราทุกข์] ซึ่งจะผนึกความคิดและการกระทำของเหยื่อโดยการทำให้ตกอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก
ที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรจากการบ่มสุรา รอยแค่ต้องบ่มทิ้งไว้จนได้ที่แล้วรอกินตอนที่ค้นพบนามแท้ของเหล่าเหยื่อแล้ว
พวกหล่อนคงจะต้องติดอยู่ในความมืดมิดที่ทุกข์ทรมานเหมือนคนชราใกล้ตายไปชั่วนิรันดร์ แต่สุดท้ายพอถูกรอยกินเข้าไป ความทรมานก็จะสิ้นสุดลง
เฟลท์: ――มีวววว! มีชีวิตตตต!!
ทุกคน: ――อย่างเข้มแข็งงงงง!!
ทันใดนั้นเองเหล่าเหยื่อก็พากันส่งเสียงโหยหวนราวชีวิตดับสิ้น ทว่า มันมิใช่เสียงกรีดร้องทรมาน หากแต่เป็นการปฏิเสธจุดจบตามแผนการของรอย
. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เดินชมอาทิตย์อัสดงกับผู้อื่นไปชั่วชีวิตค่ะ”
. ชั่วพริบตานั้น เฟลท์รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับว่าเธอถูกถลกหนังออกทั้งร่าง แล้วไรน์ฮาร์ดก็เอาแปรงขนโลหะที่ชุบน้ำเกลือมาขัดเงาซ้ำอีกที
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เฟลท์ได้สัมผัสเจ็บปวดราวกับว่าเครื่องในพลิกกลับด้าน สมองยังชาไม่หาย แถมรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตาว่าเลือดไหลกลับเข้าร่างตัวเองด้วย
เฟลท์: ยัยเปี๊ยกนั่นสุดยอดชะมัด…
ปู่รอมคือบุคคลที่เฉลียวฉลาดและพึ่งพาได้มากที่สุดในโลกสำหรับเฟลท์ แสดงว่าเพทร่าที่ประสานงานกับปู่รอมได้อย่างน่าทึ่งจะต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน
แล้วยัยหนูอัจฉริยะคนนี้ก็พึ่งทำอะไรบางอย่างน่าเหลือเชื่อ เฟลท์พอเดาได้ว่าเพทร่าคือผู้ที่แก้ทางไพ่ตายของศัตรู ถึงจะไม่เข้าใจหลักการก็เถอะ
เฟลท์หันไปมองคนแคระผู้อับโชค “แคมบาลี่” เขาคนนี้พึ่งจะเข้าร่วมศึกตอนที่รอยงัดไพ่ตายสุดแสนปวดร้าวออกมาใช้พอดิบพอดี
เฟลท์: ――ดวงซวยแท้ แต่แจ่มเลยงี้
ว่าแล้วเฟลท์จึงคว้า [คทาดวงดาว] ไพ่ตายประจำฝ่ายมาจากมือของแคมบาลี่ผู้ยืนน้ำตาคลออยู่นิ่งๆ จากนั้นก็ปลดมันออกและเติมมานาลงไปเต็มพิกัด
เฟลท์: ยิงไปตรงไหนดี!
. “พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธองค์ ท่านโอโด ลากูน่า ขอสาบานว่าจะไม่เหยียบย่ำเงาของผู้ที่เดินอยู่เคียงข้างไปชั่วชีวิตค่ะ”
. เฟลท์: ――มีวววว! มีชีวิตตตต!!
ทุกคน: ――อย่างเข้มแข็งงงงง!!
เสียงกู่ร้องที่แยกไม่ออกระหว่างคนกับสัตว์มารดึงกึกก้องขึ้นมาพร้อมกับแรงปะทุจากแสงสว่างและความมืดที่ส่งคลื่นกระแทกรุนแรงออกมา
ร่างของงูดำที่เป็นพาหะของโรคร้ายนับพันผงะจากแรงปะทุ รอยยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งสำคัญมีเพียงแค่ใครคือตัวการเพียงเท่านั้น
รอย: เพทร่าจาง!
รอย อัลฟาร์ดปลื้มปิติถึงขั้นที่อยากจะปรบมือเฉลิมฉลองให้แก่เพทร่าร่วมกับ [ความทรงจำ] จำนวนนับไม่ถ้วนภายในตัวเขา
จินตนาการไม่ออกเลยว่าเพทร่าจะต้องสังเวยไปมากเพียงใดเพื่อทำให้ปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] สามารถแก้ทางไพ่ตายของรอยได้
เธออาจจะยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งความสุขที่แสนเรียบง่ายและสามัญ เพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของสถานการณ์รบให้สูสีเช่นนี้
“อยากจะมีความสุข” นั่นคือความปรารถนาพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ มันคือสัจธรรมอันเที่ยงแท้ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นรอย ไร รุย เหล่าบิชอปมหาบาป วายร้าย หรืออาชญากร ทุกคนล้วนแต่ปรารถนาสิ่งนั้นและมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนั้น แต่เพทร่ากลับยอมสละมันทิ้ง
. รอยที่กำลังตื้นตันกระพริบตาเพื่อขจัดคราบน้ำตาทิ้ง จากนั้นก็กวาดสายตามองไปยังเฟลท์ผู้คว้าคทามาจากพรรคพวกที่พึ่งเรียกมาเสริมทัพ
เจ้าคนแคระแลดูไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ศึกนี้ เพราะงั้นรอยจึงประเมินว่าคทาสีขาวที่เขาพกมาด้วยน่าจะเป็นอาวุธลับชิ้นสำคัญ
รอย: ถ้าเกิดเจ้านั่นใช้ไม่ได้ผล จะน้ำตาแตกไหมน้า!?
ผีเสื้อสีรุ้งเริงระบำ หอกไฟและหอกน้ำแข็งร่วงเป็นห่าฝน เคียวโลหิตพุ่งเข้าหาจากทุกทิศทาง แรงบีบอัดบีบเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ปิดท้ายด้วยการขับขานโซปราโน่ต้องสาป
รอม: ปกป้องเฟลท์เอาไว้!!
รัมใช้สายลมเชือดเฉือนฝูงผีเสื้อทิ้ง ในขณะที่ราจินส์ยิงกระสุนน้ำแข็งและเพลิงไปสกัดหอกมนตรา ส่วนแกสตอนใช้กล้ามเนื้อเข้าไปรับเคียวโลหิตเอาไว้
คู่แฝดซทำลายกำแพงดินที่โผล่มาจากทิศหน้าหลังแทนซ้ายขวา ส่วนยักษ์ชรากับมนุษย์สุกรก็ใช้ร่างกำบังบทเพลงต้องสาปที่ทำให้เลือดเนื้อพุพังได้
ทว่า การกระหน่ำจู่โจมระลอกนั้นเป็นเพียงตัวหลอก รอยงัดพลัง [เคลื่อนย้าย] ที่กั๊กเอาไว้ออกมาใช้เพื่อไปปรากฏตัวด้านหลังเป้าหมายที่แท้จริง
รอย: สองคนตรงนี้เองก็สำคัญใช่ไหมล่ะ?
[แม่มดแห่งโศกา] และ [ผู้ใช้สัตว์มาร] รอยเลือกที่จะกำจัดสองคนนี้ทิ้งก่อนด้วยการผสาน [ราชามวย] ที่มือขวาและ [ผู้เขมือบหิมะ] ที่มือซ้าย
แต่แล้วตาซ้ายของรอยก็ถูกลำแสงสีขาวยิงจนบอด ตัวการคือแมงป่องน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในผมของเมลี่ ไพ่ตายที่ [ความทรงจำ] ไม่มีบอกไว้
. ทันใดนั้นเองพื้นที่รอยยืนอยู่ที่ดีดร่างของเขาให้ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า นั่นมิใช่ผลของเวทมนตร์เนื่องจากว่ารอยตรวจจับกระแสมานาไม่ได้เลย
[แม่มดแห่งโศกา] เองก็หันหลังอยู่ นี่จึงมิใช่ฝีมือของเธอ แล้วอะไรกันล่ะที่สามารถควบคุมผืนดินให้นูนออกมาได้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?
การ์ฟีล: ――ให้ตายเซ่ พึ่งพาได้เกินไปหน่อยนะ พวกพ้องของข้าคนนี้เนี่ย
น้ำเสียงที่แสนจะพึ่งพาได้นั้นกระตุ้น [ความทรงจำ] ให้รอยนึกออกทันที ตราบใดที่เท้าสัมผัสกับพื้น เขาคนนี้ก็คือกำแพงที่มิอาจเจาะผ่านได้และไม่มีวันปราชัย
รอยที่กระเด็นกลับหัวกลับหางสั่งการให้งูดำอาละวาดได้เต็มที่ เนื่องจากตัวเขาออกห่างจากเจ้าสัตว์มารพอสมควรแล้ว พอดีกับจังหวะที่เกราะโลหิตเริ่มหลุดลอก
เมลี่: นั่งลงงง!!
คำสั่งจากเมลี่ทำให้งูดำที่ยืดตัวสู้ฟากฟ้าชะงักไปเพียงชั่วขณะ แต่พอรอยรู้สึกชะล่าใจว่ายังไม่ผิดแผน ร่างกายของอสรพิษก็ระเบิดออกมาจากภายใน
ไฮน์เคล: เฮือก แค่ก อุแหวะ…
รอย: ไม่จริงน่า
สิ่งที่หลุดออกมาพร้อมคราบมลทินคือชายผมแดงที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่กลางบ่อโสมมที่อันตรายที่สุดในโลกได้หน้าตาเฉยจนไม่ว่าใครก็ต้องเหวอ
รอยแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย นี่มันเกินกว่าจะเรียกว่าความดื้อด้านหรือความถึกทนไปแล้ว เหตุใดกันไฮน์เคลถึงยังมีชีวิตรอดมาได้?
. การ์ฟีล: โย่ มองทางนี้สิวะ
เพียงแค่ดีดตัวเบาๆ เด็กหนุ่มผมทองก็กระโดดตามขึ้นมาหารอยได้อย่างง่ายดาย เขาง้างกำปั้นที่สวมสนับแขนสีเงินเพื่อเตรียมเผด็จศึก
รอยในสภาพปางตายไม่มีทางรอดจากกำปั้นนี้ได้อย่างแน่นอน เขาจึงเปิดใช้งาน [จันทรุปราคา] เพื่อเตรียมดึงพลังของ [ผู้ข้ามมิติ] ออกมาใช้หลบหนี
รอย: อุก
แต่แล้วแมลงซอดด้าก็บินมาชนใบหน้าเขาจากฝั่งซ้ายที่ตาบอดอยู่ ทั้งเสียงกระพือปีกและสัมผัสที่ชวนขนลุกของมันทำให้สมาธิของรอยแตกกระเจิง
ตัวการคือชายที่ควรจะว่างเปล่าไปแล้ว เขานั่งพิงร่างของมกรปฐพีสีฟ้าอ่อนอยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตรที่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่และกำลังชี้นิ้วมาทางรอย
แถมชายคนนั้นยังฉีกยิ้มออกมายามที่ทั้งคู่สบตากันราวกับตั้งใจจะเยาะเย้ยรอยว่า “โดนเล่นเข้าแล้ว” อีกต่างหาก
กำปั้นของการ์ฟีลแหวกห้วงอากาศจนสายลมเห่าหอนออกมา รอยทำใจเตรียมรับกำปั้น แต่มันกลับมาถึงตัวเขาช้าผิดปกติ
. รอย: นี่ฝีมือของเพทร่าจังงั้นเรอะ?
เพทร่า: ใช่ พอดีอยากตอกหน้าทิ้งท้ายให้ชัดเจนน่ะ “สมน้ำหน้า”
[แม่มดแห่งโศกา] ประกาศชัยชนะจากพื้นเบื้องล่างในขณะที่ห้วงเวลาถูกหน่วงให้เคลื่อนไหวช้าลง กระนั้นสถานการณ์ของรอยก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
กำปั้นของเสือหนุ่มอยู่ห่างออกไปในระยะที่เทียบเคียงได้กับเหรียญเงินห้าเหรียญ ยังไงรอยก็หลบมันไม่พ้น เขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาปั่นประสาทแทน
รอย: สุดยอดไปเลยนะเนี่ย เพทร่าจัง แต่ว่าน้า ไม่คิดว่าสิ่งที่ต้องสังเวยเพื่อชัยชนะมันมากเกินไปบ้างเหรอ?
เพทร่า: ขี้แพ้ชวนตีเหรอ? ฝั่งเราไม่ได้เสียใครไปสักคน เป็นบิชอปมหาบาปแท้ๆ น่าสมเพชจริงนะ
รอย: อีกฝ่ายเป็นถึง [แม่มดแห่งโศกา] ยังไงก็ไม่ไหวแหละ แต่ถึงอย่างนั้น การสังเวยมันก็ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องชีวิตซ้ากหน่อย อนาคตเอย ความหวังเอย ศักยภาพเอย อะไรทำนองนั้นน่ะ จากนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่แสนยืนยาวของเพทร่าจังคงจะเดียวดายน่าดู พวกผมน่ะเป็นห่วงจากใจจริงเลยคร้าบ
ระยะห่างอีกสี่เหรียญ
รอยขยี้ปมเรื่องค่าชดเชยทิ้งท้ายโดยคาดหวังให้ความเจ็บปวดฝังรากลึกในใจเธอ แต่แล้วเพทร่ากลับกระพริบตาด้วยสีหน้าฉงนอย่างน่าผิดคาด
เพทร่า: ――นี่หรือว่าจะเข้าใจผิดงั้นเหรอ?
รอย: เข้าใจผิดอะไร?
เพทร่า: แปลกจังนะ ถ้าเป็นคุณออตโต้ล่ะก็ น่าจะพูดอะไรทำนองนี้ไว้แท้ๆ ――“ศัตรูในคราวนี้คือโลกทั้งใบเลยครับ” น่ะ
. ระยะห่างอีกสามเหรียญ
ที่จริง [ความทรงจำ] ที่รอยมีอยู่ประเมินไว้ทำนองนั้นจริงๆ วีรกรรมของอัลเดบารันก่อความเสียหายไว้ระดับโลกจนคำกล่าวนั้นมิได้เกินจริงเลยสักนิด
ระยะห่างอีกสองเหรียญ
ในที่สุดรอยก็ตระหนักถึงข้อเท็จจริงอันน่าเหลือเชื่อขึ้นมาได้ เด็กสาวจึงฉีกยิ้มอย่างแผ่วเบาดุจ [แม่มด] ออกมา
เพทร่า: ตราบใดที่่มีคนจ่ายค่าชดเชยให้เท่าเทียมและทั่วถึงกันอย่างเหมาะสม ไม่ว่าใครก็เป็นตัวแทนผู้ใช้งานปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ได้ ――เพราะงั้น ทุกคนที่นครหลวงก็เลยร่วมกันจ่ายยังไงล่ะ
รอย: …
เพทร่า: เอ้า ขอย้ำอีกทีนะ ――สมน้ำหน้า
ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะมิได้เข้ากันกับปัจจัยแม่มด แต่สำหรับรอย เธอคนนี้คือ [แม่มดแห่งโศกา] ไม่ผิดอย่างแน่นอน
ระยะห่างอีกหนึ่งเหรียญ
สามารถฉวยโอกาสจากช่องโหว่ของปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ได้ดีถึงขนาดนี้ ไม่มีใครคู่ควรต่อสมญา [แม่มดแห่งโศกา] มากไปกว่านี้อีกแล้ว
รอย: ――อา ขอบพระคุณสำหรับอาหาร
ระยะห่างศูนย์เหรียญ
กำปั้นของ [กอร์เจียสไทเกอร์] สะบั้นใบหน้าของรอยอย่างรุนแรง เขาถูกซัดร่วงลงไปหาคราบโสมมบนพื้นบริเวณที่งูดำดิ้นพล่านอยู่
เฟลท์: ――แหลกไปซะ!!
แต่ก่อนที่จะกระแทกกับพื้น คทาในมือเฟลท์ก็ยิงลำแสงพิพากษาที่ย้อมโลกเป็นสีขาวออกมา ลำแสงที่มิอาจหลบหลีกได้นั้นกลืนกินเจ้าวายร้ายเข้าไป
――นั่นคือฉากปิดท้ายวีรกรรมการรับประทานอาหารของ [กินไม่เลือก]
. จบตอน