
บทที่ 9 ตอนที่ 47 "เสียงพูด"
. ยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง และไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน แขนขาขยับไม่ได้ ขาลอยอยู่เหนือพื้น หายใจไม่ค่อยออก ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ถูกปิดผนึกไว้เกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้
กระนั้นเขากลับสามารถสัมผัสถึง [เสียงพูด] ได้ ณ แคร่แห่งนรกแห่งนี้มี [เสียงพูด] นับไม่ถ้วนกลับถาโถมเข้าใส่โดยที่เขามิอาจปฏิเสธมันได้
เขาไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกที่ถูกโยนทิ้งไว้กลางสายฝน ถูก [เสียงพูด] เหล่านั้นท่วมท้นจนแทบอยากจะยอมแพ้แล้วปล่อยให้ตัวเองจมหายไป
【ฟรูฟู: ――คุณหนู! คุณหนู เป็นอะไรไหมคะ! จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!】
ทันใดนั้นเอง [เสียงพูด] ที่ดังเป็นพิเศษก็ถูกส่งตรงเข้ามาหา อนุมานได้ว่าเจ้าของ [เสียงพูด] ต้องการจะสื่อสารกับเขาโดยตรง
【การ์ฟีล: ――เฮียออตโต้ กัดฟันไว้ให้แน่นนะ】
หลังได้ยิน [เสียงพูด] นั้นก็มีเสียงอื่นๆ ดังตามมา จากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เช่นเดียวกับใบหน้าของเหล่าเจ้าของ [เสียงพูด]
. 【การ์ฟีล: ขอโทษจากใจเลยที่มาช้า ทั้งหมดเป็นเพราะข้าคนนี้มันอ่อนแอเอง】
【ฟรูฟู: พูดอะไรกันคะนั่น คุณการ์ฟ! ถ้าเกิดคุณการ์ฟกับทุกคนไม่มา ป่านนี้คุณหนูคงยังห้อยต่องแต่งอยู่เลย …อา คุณหนู คุณหนู! จำเราได้ไหม!?】
[เสียงพูด] ที่เขาสัมผัสได้กับเสียงพูดที่เขาได้ยินทับซ้อนกัน ผู้พูดคือมกรปฐพีสีฟ้าอ่อนที่ซบอยู่เคียงข้างและเด็กหนุ่มผมทองที่แตะไหล่เขาอยู่
【การ์ฟีล: ตอนนี้คงไม่เข้าใจอะไรเลยสินะ? แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ทุกคนจะเอากลับคืนมาให้เอง แค่ข้าคนนี้น่ะคงไม่ไหว …แต่ถ้าเกิดทุกคนช่วยกันล่ะก็! ――เพราะงั้นแหละ เฮียออตโต้รออยู่นี่ไปก่อน…】
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะรู้เกี่ยวกับอาการว่างเปล่าของตัวตนเขาและอยากที่จะช่วยแก้ไขมัน อาจจะรู้สาเหตุด้วยซ้ำ เพราะงั้นเขาจึงได้เอ่ยถามออกไป
【ออตโต้: ――มีอะไรที่อยากให้ช่วยไหมครับ】
ถึงจะไม่แน่ใจนักว่า [เสียงพูด] ที่สื่อสารออกไปเป็นภาษาที่ฟังรู้เรื่องไหม แต่เขาก็อยากบอกให้ทั้งสองรู้ว่าตนเองซาบซึ้งใจเพียงใดที่ถูกช่วยออกมาจากแคร่แห่งนรก
เด็กหนุ่มกับมกรปฐพีเบิกตากว้างเป็นสัญญาณว่าข้อความจากเขาส่งไปถึง จากนั้นทั้งคู่ก็กล่าวต่อว่า…
【ฟรูฟู: ――สมกับที่เป็นคุณหนูเลย】
【การ์ฟีล: ――สมกับที่เป็นเฮียออตโต้เลย】
[เสียงพูด] ของทั้งสองทำให้เขายิ้มออกมา ถ้าหากได้รู้ว่าใครเป็นคนทำให้เขาว่างเปล่าเมื่อไหร่ เขาก็อยากจะตอกหน้ามันคนนั้นว่า “โดนเล่นเข้าแล้ว”
. ผลลัพธ์จากการต่อสู้เพื่อดึงความสนใจของเรมทำให้ฝั่งศัตรูมัวแต่จดจ่ออยู่ด้านบนจนอัลเดบารันพลาดท่ารับลูกเตะของเอมิเลียจากด้านล่างเข้าไปเต็มข้อ
ใจจริงเรมก็อยากใช้มอร์นิ่งสตาร์ที่สุบารุคอยขัดเงาอยู่สม่ำเสมอเป็นอาวุธเผด็จศึก แต่ในศึกนี้เธอทุ่มเทรับบทบาทสนับสนุนให้เอมิเลียเป็นคนปิดฉากแทน
เรมได้รับบทเรียนมาว่าเธอไม่ควรจะโลภมาก สมัยยังอยู่ที่จักรวรรดิ ถ้าหากสุบารุเซ้าซี้เธอมากกว่านั้นอีกนิด เรมอาจจะหักทั้งแขนและขาเขาไปแล้ว ไม่จบแค่นิ้วมือ
ทั้งๆ ที่เธอถนัดการทำอาหารซึ่งเป็นกระบวนการที่ลำดับขั้นตอนมีความสำคัญมากแท้ๆ แต่เรมติดนิสัยเสียชอบลัดขั้นตอนในเรื่องอื่นๆ ไปเสียหมด
อีกหนึ่งนิสัยเสียที่เรมมีอยู่คือการด่วนสรุปไปเอง ประเด็นนี้เธอได้รับการสั่งสอนจากพริสซิลล่ามาแล้วว่าคนเราไม่ควรหยุดใช้ความคิดอย่างเด็ดขาด
เอมิเลีย: ――อึก ไม่จริงน่า!?
เรม: นั่นเองสินะที่ท่านรอมบอกเอาไว้――
เพราะงั้นในขณะที่เอมิเลียตกใจกับผลลัพธ์เหนือความคาดหมาย ความคิดของเรมจึงยังไม่หยุดชะงักลง อย่าพึ่งด่วนตัดสิน ศึกนี้ยังอีกยาวไกล
บูทส์น้ำแข็งของเอมิเลียที่ถีบมาจากมุมบอดมีความรุนแรงพอที่จะหักกระดูกสันหลังอีกฝ่ายได้เลย แต่แล้วอัลกลับป้องกันมันไว้ได้ด้วยการเสกแผ่นหินมาครอบทั้งร่างไว้
เวทมนตร์จำเป็นต้องอาศัยทั้งอิมเมจของผลลัพธ์และโครงสร้างของมนตร์ที่ชัดเจน เพราะงั้นคนที่โดนจู่โจมทีเผลอไม่น่าจะร่ายมนตร์โต้ตอบได้ซับซ้อนขนาดนี้
ดังนั้น นี่คือผลลัพธ์จากอำนาจ [ย้อนเวลา] สุดขี้โกงของอัลไม่ผิดแน่ ถ้าหากอำนาจนี้ใช้หลบได้กระทั่งโจมตีจากไรน์ฮาร์ด แล้วพวกเรมจะไปทำอะไรได้…
เอมิเลีย: ――เรม!!
ในขณะที่ความคิดด้านลบเริ่มสไปรัล(หมุนวน)อยู่ในหัวเรม เสียงตะโกนจากเอมิเลียก็ได้เรียกสติเธอกลับมา ดวงตาสีม่วงครามคู่นั้นยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
เรมอาศัยความกล้าที่ได้รับมาจากเอมิเลียฟื้นฟูพลังชีวิตกลับคืนสู่ร่างกายผ่านทางเขาโดยการแปลงกายสู่ร่างโอนิ
. เรมมองเห็น “ช่องเขาอักซาด” รอยแยกขนาดใหญ่บนแผ่นดินของนครรัฐคารารากิอยู่ไกลออกไป ช่องเขาอักซาดมีความสูงจากสันเขาถึงฐานกว่า 5,000 เมตร
ทั้งฝั่งเรมและฝั่งอัลถูก [เคลื่อนย้าย] มาโผล่กลางอากาศเทียบเท่าความสูงของสันเขาพอดี เพราะงั้นเวลาก่อนที่จะร่วงถึงฐานจึงมีอยู่ประมาณ 100 วินาที
บนช่องเขามีการขีดรอยไว้ล่วงหน้าเพื่อบอกความสูงและระยะเวลาที่ผ่านไปทุก 10 วินาที เรมพึ่งมองเห็นรอยที่ 3 นั่นแปลว่าเหลือเวลาอีก 70 วินาทีก่อนจะถึงพื้น
สองสาวเปิดฉากโจมตีต่อ เรมง้างตัวเพื่อออกแรงเหวี่ยงมอร์นิ่งสตาร์จากด้านบน ส่วนเอมิเลียก็สร้างค้อนน้ำแข็งขึ้นมาหวดจากด้านล่าง
แผ่นหินที่ครอบฝั่งศัตรูไว้ถูกลูกตุ้มเหล็กกับค้อนยักษ์หวดจนแตกกระจาย อีกฝ่ายจึงกระจายกำลังกันต่อสู้ อัลเผชิญหน้ากับเอมิเลีย ส่วนชิโนบิผมแดงเผชิญหน้ากับเรม
เรม: ไม่สิ คุณเองก็เป็น―― (เมด)
ยาเอะ: ใช่ค่ะ เมดอเนกประสงค์สารพัดประโยชน์ของท่านอัล ยาเอะเองค่ะ
เรม: ตำแหน่งนั้นคือสิ่งที่เรมอยากจะเป็นให้สุบารุคุงต่างหากค่ะ!
. เมดผมแดงนามยาเอะเข้ามาจู่โจมเรมในขณะที่กำลังดึงโซ่เพื่อเก็บลูกตุ้ม เธอจึงตวัดแขนซ้ายที่ว่างอยู่สวนไป แต่แล้วยาเอะกลับยังพลิกตัวหลบได้
พอสังเกตดีๆ ปรากฏว่ายาเอะยังคงใช้ลวดเชื่อมต่อตัวเธอกับอัลไว้ด้วยกัน แล้วเธอก็อาศัยแรงตึงและแรงหย่อนจากลวดในการเคลื่อนไหวกลางเวหา
เท่านั้นไม่พอยาเอะยังเหวี่ยงลวดจากมือข้างที่ว่างอยู่โดยเล็งเป้ามาที่ลำคอของเรม ฝั่งเรมที่สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายจึงรีบคิดหาวิธีแก้ทาง
เรม: ――ฮิวม่า
ปลอกคอน้ำแข็งที่สร้างขึ้นแบบด่วนช่วยการ์ดลวดไว้ได้ชั่วขณะ ซึ่งเป็นเวลามากพอให้เรมเอาศีรษะออกจากปลอกคอได้ทันก่อนที่จะโดนกุดหัวขาด
เรมดึงลูกตุ้มเหล็กกลับมาโดยเล็งให้โดนหลังศัตรู แต่ฝั่งยาเอะกลับพลิกตัวหลบได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามีตาหลัง แถมยังแลบลิ้นใส่เรมเสียด้วย
ยาเอะ: รู้ตัวไหมว่ามันสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอด้วยนะคะ?
คำท้าทายนั้นเกือบทำให้เรมหัวร้อน โชคดีที่คาชัวในจินตนาการของเธอช่วยตะโกนเตือนว่า “ยัยบ้าๆ อย่าหลงกลอีกฝ่ายแบบนั้นสิ!”
. เรม: ถ้างั้นล่ะก็ เชิญถ่างตาดูให้เต็มที่ได้เลย!
เรมเคลือบมอร์นิ่งสตาร์ที่เธอคว้าคืนมาด้วยน้ำแข็งหลายๆ ชั้นจนมวลของมันขยายขึ้นหลายเท่า จากนั้นก็เขวี้ยงแท่งน้ำแข็งยาว 10 เมตรสวนกลับไป
ยาเอะ: การยั่วโมโหได้ผลดีเกินไปหน่อยหรือเปล่าคะเนี่ย!?
ยาเอะรีบตวัดลวดจากสองมือเพื่อขูดน้ำแข็งออกจาก “มอร์นิ่งก้อนน้ำแข็งสตาร์” ที่พุ่งเข้ามาหา เธอลดมวลของมันลงเรื่อยๆ จนกลับไปเป็นลูกตุ้มเหล็กธรรมดา
จากนั้นยาเอะก็พันลวดเป็นตาข่ายบริเวณหน้าอกเพื่อรองรับแรงกระแทกจากลูกตุ้มเหล็กและดีดมันทิ้งไปเบื้องล่างซึ่งอีกสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่
เอมิเลีย: คราวนี้น่ะ! ไม่ปล่อย! ให้หนี! เหมือนคราวนครหลวงแน่!
อัล: ปกติ! ขืนทำ! แบบนั้นล่ะก็! เท่ากับว่าชั้นขึ้นนำแล้วปอดแหก! พอดีน่ะสิ!
ที่รอบตัวเอมิเลียกับอัลมีทั้งอาวุธน้ำแข็งและอาวุธหินลอยล้อมรอบอยู่ ทั้งสองเปิดฉากคว้าอาวุธใกล้มือมาหวดกันโดยไม่สนว่าใช่อาวุธของตนเองไหม
เอมิเลียกระหน่ำจู่โจมแบบไม่ลดละ ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้พักหายใจ แต่ฝั่งอัลก็คว้าอาวุธมาปัดป้องทั้งดาบ หอก และขวานจากเธอได้ตลอด
อิงจากที่อีกฝ่ายเน้นการปัดป้องในระยะสั้นที่สุด เรมคาดเดาว่าอัลคง [ย้อนเวลา] กลับมาแก้ไขการตั้งอาวุธทุกครั้งที่พลาดท่าถูกโจมตี
. ยาเอะ: ――ท่านอัล!
ยาเอะที่ดวลกับเรมก่อนหน้านี้ลดระดับความสูงตามไปสมทบกับอัลได้สำเร็จ สถานการณ์จึงเปลี่ยนเป็นสองรุมหนึ่ง ซึ่งบีบให้เรมรีบตามไปสมทบด้วย
เรม: ท่านเอมิเลีย!
แต่ในเมื่อสปีดขอลูกตุ้มเหล็กที่ยาเอะดีดทิ้งยังไม่ตกลง เรมจึงเปลี่ยนใจเลือกปรับองศาโซ่แทน ส่งผลให้ลูกตุ้มเหล็กมุ่งหน้าไปหาเอมิเลียราวกับว่ามีจิตวิญญาณของสุบารุช่วยชี้นำ
พอเอมิเลียคว้าโซ่เอาไว้ เรมก็สร้างแท่นเหยียบน้ำแข็งชั่วคราวขึ้นมาใช้ยันเท้าเพื่อออกแรงกระชากเอมิเลียกลับมาหาตนเองที่ด้านบนได้สำเร็จ
ผลลัพธ์คือเรมช่วยเอมิเลียจากการถูกรุมไว้ได้อย่างหวุดหวิด ส่วนอัลกับยาเอะก็สลับตำแหน่งไปรวมตัวกันอยู่ที่ระดับความสูงเบื้องล่างแทน
เอมิเลีย: ขอบใจนะ! ตึงมือมากเลยนะเนี่ย!
เรม: ด้วยความยินดีค่ะ! เห็นด้วยเลยค่ะ!
สองสาวเห็นพ้องเรื่องความแกร่งของศัตรู เดิมทีพวกเธอถูกมอบหมายให้รับมืออัลเพียงคนเดียว การมียาเอะโผล่มาเป็นตัวแถมด้วยจึงผิดแผนไปมาก
ศึกที่ควรเป็นการรุมสกรัมกลายศึกสองต่อสอง ฝีมือของยาเอะเองก็ไม่ธรรมดาเลย ที่สำคัญเรมสัมผัสได้ว่าความแกร่งของยาเอะทวีคูณขึ้นยามที่สู้เคียงข้างอัล
เรม: จริงด้วย เหมือนกับตัวฉันและคนๆ นั้นเลย…
เอมิเลีย: เอ๋? นี่พูดถึงสุบารุอยู่งั้นเหรอ?
เรม: ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ ไว้ค่อยคุยหลังจบเรื่องนี้แล้ว!
. เรมมองเห็นรอยที่ 4 บนช่องเขา นั่นเท่ากับว่าเหลือเวลาอีก 60 วินาทีก่อนจะถึงพื้น สองสาวจึงตัดสินใจที่จะแยกอัลกับยาเอะออกจากกัน
ในขณะที่ทั้งสองยังกุมมือกันไว้ข้างหนึ่งอยู่ เอมิเลียและเรมต่างก็ใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่ชี้ไปยังอัลเดบารันกับยาเอะที่ลอยตัวอยู่ต่ำกว่า
เอลิเลีย: อัล――
เรม: ――ฮิวม่า!!
มนตร์ฮิวม่าสองประเภทผสานเข้าด้วยกัน สร้างออกมาเป็นแผ่นน้ำแข็งยักษ์ที่ปรากฏออกมาคั่นกลางระหว่างอัลกับยาเอะที่อยู่คนละระดับความสูง
แผ่นน้ำแข็งมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างกว่า 30 เมตร อัลที่อยู่ต่ำกว่าจึงกลับขึ้นมาหาได้ยาก แถมรูปทรงที่เป็นแผ่นบางยังช่วยต้านทานการถูกลวดผ่า
ยาเอะ: ท่านอั――
อัล: ――ยาเอะ ทนไว้ก่อนนะ
อัลที่อยู่อีกฟากออกคำสั่งทิ้งท้าย เรมพอคาดเดาได้ว่ากำลังใจของยาเอะน่าจะพุ่งขึ้นสูงจากความคาดหวังที่ได้รับจากคนสำคัญ แต่ยาเอะก็ยังปฏิเสธเรื่องนั้นอยู่ดี
. ขนาดมหึมาของแผ่นน้ำแข็งส่งผลต่อแรงต้านอากาศทำให้มันร่วงช้ากว่ามวลมนุษย์ ยาเอะจึงลงจอดบนแผ่นน้ำแข็งเพื่อเตรียมตั้งรับไว้ก่อน
เอมิเลียกับเรมเองก็ลงจอดแบบขนาบทั้งหน้าและหลังของยาเอะเอาไว้ ในขณะที่ฝั่งยาเอะถอดรองเท้าออก เผยให้เห็นแหวนอีกสิบวงที่นิ้วเท้า
ยาเอะ: ――ขอย้ำเลย เวทมนตร์นี่มันรับมือยากจริงนะคะเนี่ย~ ซาบซึ้งต่อคำสอนของท่านผู้เฒ่าที่หมู่บ้านขึ้นมาเลยค่ะ
เรม: ขอบพระคุณสำหรับคำชมค่ะ พอดีว่ามีผู้ฝึกสอนที่ยอดเยี่ยมอยู่น่ะ
เอมิเลีย: ฉันเองก็ด้วย ถูกสอนมาว่า “ลิอาทำตัวสบายๆ เข้าไว้” น่ะ
ยาเอะ: แนวทางการสอนนั่นเหมือนกับที่หมู่บ้านของฉันเลย ท่านเอมิเลียอาจจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกันก็ได้นะคะเนี่ย
ยาเอะปั่นประสาทว่าอีกไม่นานท่านวอลก็จะตามมาสมทบ พวกเรมจึงควรยอมแพ้ไปเสียดีกว่า ฝั่งเรมจึงสวนว่านายท่านของเธอจะจัดการ [มังกรเทพ] เอง
ยาเอะ: …คู่ต่อสู้เป็นถึง [มังกรเทพ] เชียวนะคะ? ไม่คิดว่าคาดหวังสูงเกินไปหน่อยมั่งเหรอคะ?
เอมิเลีย: ถ้างั้น แสดงว่าเธอไม่คาดหวังในตัวอัลเลยงั้นเหรอ?
คำพูดของเอมิเลียเหมือนจะแทงใจดำ ฝั่งยาเอะจึงตอบรับด้วยการขยับนี้วปลุกจิตต่อสู้ เรมเองก็วางลูกตุ้มเหล็กบนฝ่ามือ ส่วนเอมิเลียนั้นชักดาบน้ำแข็งคู่ออกมา
ทุกวินาทีที่ผ่านไป อัลก็เริ่มออกห่างจากระดับความสูงของสามสาวมากขึ้นเรื่อยๆ เรมกับเอมิเลียจึงเห็นพ้องกันว่าต้องรีบเผด็จศึก
ยาเอะ: ――[ซากุระสีขาด] ยาเอะ เทนเซ่น
เอมิเลีย: ――[แม่มดเยือกแข็ง] เอมิเลีย
เรม: ――[ผู้ดูแลของวีรชน] เรม
เหลืออีก 50 วินาทีก่อนจะถึงฐานของช่องเขาอักซาด สามสาวได้เปิดศึกกันเหนือแผ่นน้ำแข็ง ลวด โซ่ และเวทมนตร์เข้าปะทะกัน
เรมมีศรัทธาแรงกล้าว่าพรรคพวกของเธอจะสามารถปราบ [ตะกละ] และ [มังกรเทพ] ลงได้ เพราะงั้นพวกเธอจึงต้องโค่นยาเอะและรีบไปจัดการอัลต่อ
อัล: ก็ไม่คิดว่านายจะแพ้หรอกนะ …แต่อย่าลืมเสียล่ะ อัลเตอร์ ยังมีเรื่องที่นายจำเป็นต้องทำอยู่อีกนะ
ในขณะเดียวกันอัลก็พึมพำออกมาเช่นนั้นตามลำพัง โดยที่คำพูดของเขาดังขึ้นไปไม่ถึงเหนือแผ่นน้ำแข็ง
. ศึกปะทะกับกลุ่มอัลเดบารันที่อาจนำพาความล่มสลายมาสู่โลกได้ก้าวเข้าสู่สเตจถัดไป ทั้งศึกปะทะ [ตะกละ] ที่หุบเขาและศึกปะทะอัลเดบารันที่ช่องเขาอักซาด
แน่นอนว่าศึกที่ดุเดือดที่สุดคือศึกปะทะกันระหว่างผู้ช่วงชิงเปลือกมกรของ [มังกรเทพ] วอลคานิก้าและมนุษย์มกรผู้เป็นเจ้าของอันชอบธรรม
พลังมหาศาลจากทั้งสองฝั่งได้เปลี่ยนสนามรบซึ่งเป็นทุ่งราบที่มีแต่หินและทรายให้ทรุดโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มิใช่เรื่องที่ผิดคาดแต่อย่างใด
??: ――อุก
ทว่า มีบุคคลหนึ่งนอนหน้าคว่ำอยู่บนพื้นในสภาพตาพล่ามัว สติเลื่อนลอย หูอื้อไม่ได้ยินอะไร แถมแขนขาก็ไร้ความรู้สึกจนไม่มั่นใจว่าขาดไปแล้วหรือยัง
กระดูกที่แตกหักของเขาทิ่มแทงใส่อวัยวะภายในของตนเอง ส่งผลให้เจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างทุกครั้งที่หายใจรวยริน เขาอดสงสัยมิได้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
หนึ่งนาที? หรือสามสิบวินาที?
คลินด์: ห้าวินาทีครับ นายท่าน ‘รายงาน’
การต่อสู้ระหว่าง [มังกรเทพ] กับมนุษย์มกรเป็นดั่งภัยธรรมชาติที่สามารถพลิกโฉมผืนโลก แผ่นดินสั่นสะเทือน ผืนฟ้าก็ระเบิดตูมตาม
ท่ามกลางศึกเดือดระหว่างสองตัวตนนั้น รอสวาล L เมเธอร์สได้นอนปางตายอยู่บนพื้นในสภาพที่ตายไปแล้ว 90% และยังเป็นอีกแค่ 10%
. จบตอน