re zero webnovel arc9 chapter48 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 48 "สุดยอดสิ่งมีชีวิต"

. เอมิเลีย: ถ้ารอสวาลกับคุณคลินด์บอกว่าทำได้ล่ะก็ แสดงว่าเอาอยู่ใช่ไหม?

นั่นคือการตัดสินใจของเอมิเลียในการประชุมกลยุทธ์ระหว่างกลุ่ม [อัลเดบัสเตอร์ส] เพื่อตัดสินว่าจะส่งใครไปรับมือกับ [มังกรเทพ] วอลคานิก้า เดิมทีรอสวาลแอบเตรียมใจที่จะต้องเปิดเผยความลับที่ว่าคลินด์คือมนุษย์มกรของ [มังกรเทพ] ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อแผนการของเขา แต่แล้วเอมิเลียก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวพวกเขาโดยไม่ถามล้วงลึกรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งทำให้รอสวาลรู้สึกทั้งประทับใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

รอสวาล: แต่ขืนพูดเรื่องนั้นล่ะก็ มีหวังได้แตะไปถึงประเด็นพันธสัญญาของพวกเราด้วย

แน่นอนว่ารอสวาลรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคลินด์ก่อนที่จะจ้างเขามาทำงานให้ตระกูลเมเธอร์สแล้ว ไม่ได้จ้างแค่เพราะทักษะพ่อบ้านที่สุดยอดเท่านั้น ถึงอย่างไรคลินด์ก็คือบุคลากรที่ขาดไปมิได้โดยเด็ดขาด หากรอสวาลต้องการจะเติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานของตน . มีอยู่สองเหตุผลหลักที่รอสวาลไม่อยากเปิดเผยความลับของตนเองให้คนอื่นรู้ อย่างแรกคือถึงเปิดเผยไป มุมมองของคนในฝ่ายก็คงไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี เหตุผลที่สองคือสันดานของตัวเขาเอง รอสวาลมิอาจเข้าหาผู้อื่นโดยไร้จุดยืนที่ตนได้เปรียบ เขาต้องรู้เจตนาและจุดอ่อนของผู้อื่น อยากกุมจุดอ่อนไว้ในมือเลยด้วยซ้ำ การเดินบนเส้นทางที่มิอาจผิดพลาดได้เลยมานานแรมปีเปลี่ยนรอสวาลให้กลายเป็นวายร้ายจอมขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผยความในใจให้สุบารุกับพวกเอมิเลียได้รู้ ดังนั้นแล้ว เพื่อที่จะกลบฝังความรู้สึกผิดที่ตนมิอาจแสดงความจริงใจได้ รอสวาลจึงจะขอแสดงคุณค่าของตัวเขาให้พรรคพวกได้เห็นแทน

รอสวาล: …รู้สึกผิดเหรอ? ตัวฉันคนนี้ ผู้เป็นลูกศิษย์ของ [แม่มด] เนี่ยนะ?

รอสวาลเก็บงำความรู้สึกกังขาไว้ในใจ แล้วเข้าร่วมศึกประจันหน้ากับศัตรูผู้ช่วงชิงเปลือกมังกรของ [มังกรเทพ] ร่วมกับคลินด์

รอสวาล: ขอใช้โอกาสนี้ทดสอบดูเลยละกัน ――ผลการฝึกฝึนเพื่อสังการ [มังกร] ของฉันน่ะ . หลังจากที่ถอดโมโนเคิล งอกเขาสีดำบนศีรษะ และห่อหุ้มร่างด้วยอัสนีสีม่วง คลินด์ก็ได้สลัดหน้ากากของพ่อบ้านผู้เก่งกาจทิ้งและกลายเป็นมนุษย์มกร ศึกนี้ไร้ซึ่งการหยั่งเชิงใดๆ คลินด์บุกขึ้นไปหา [มังกรเทพ] วอลคานิก้าบนท้องนภาด้วยความเร็วเสียงโดยที่มีอัสนีสีม่วงปะทุออกมาจากส้นเท้า ทุกย่างก้าวของคลินด์สร้างแรงระเบิดบนห้วงอากาศราวกับกระสุนปืนใหญ่ เกิดแรงสั่นเทือนไปทั่วปฐพี ฝั่ง [มังกรเทพ] จึงสยายปีกเตรียมพ่นลมหายใจสวน ลมหายใจของมังกรคือกระแสมานาบริสุทธิ์ที่ถูกยิงออกมาเป็นลำแสงสีขาว ซึ่งหากมีปริมาณมหาศาลมากพอ กระทั่งโลกก็ถูกมันลบเลือนทิ้งได้

คลินด์: ――กล่าวเปิดม่านได้ไร้ชั้นเชิงสิ้นดีขอรับ ‘อ่อนหัด’

ลำแสงที่ทำลายเมืองได้ถูกฝ่ามือของคลินด์ผ่าแยกเป็นสองซีก พื้นด้านหลังถูกถางออกไป หินแตกเป็นเม็ดทรายและถูกหลอมเป็นของเหลวข้นหนืดสีแดงอีกที . เจ้า [มังกร] ม้วนตัวกลางอากาศและตวัดหางใส่ศัตรูที่กระโจนขึ้นมาหามันต่อ แต่แล้วสายฟ้าคำรณสีม่วงก็สว่างวาบไปทั่วท้องฟ้าและสะท้อนหางกลับไป คลินด์จุดประกายอัสนีที่ส้นเท้าเพื่อใช้แรงระเบิดเป็นแท่นยืนชั่วคราว แล้วในจังหวะเดียวกันก็จุดประกายอัสนีที่หัวไหล่ ข้อศอก และกำปั้นเพื่อต่อยสวนหางมังกร

คลินด์: ขอรบกวนต่ออีกสักครู่ ‘อนันต์’

อัสนีบาตผ่าซ้ำอย่างต่อเนื่องแบบไม่สนสภาพอากาศบนท้องนภาที่หมู่เมฆปลิวว่อนหายไปหมด เจ้า [มังกร] คำรามอย่างเดือดดาลในขณะที่พยายามบินวน ฝั่งมนุษย์มกรผู้ไร้ปีกเองก็ไล่ตามศัตรูอย่างไม่ลดละโดยอาศัยการจุดประกายอัสนีที่ส้นเท้าเพื่อเหยียบเวหาอย่างอิสระไปทั่วทุกหนแห่ง กระทั่งว่าอีกฝ่ายมีขนาดและรีช(ระยะโจมตี)ที่เหนือกว่า คลินด์กลับหลบกรงเล็บมังกรได้แบบฉิวเฉียดและตะบันหน้าสวนคืนไปอย่างรุนแรง สายฟ้าคำรณกึกก้องไปทั่วฟ้าต่อทันที เนื่องจากคลินด์กระหน่ำจู่โจมแบบต่อเนื่องกว่า 20 ครั้งภายในชั่วพริบตา แถมทุกการโจมตียังเสริมแกร่งด้วยอัสนี . พอถูกอีกฝ่ายชิงความได้เปรียบในการครองน่านฟ้า [มังกรเทพ] ก็ตัดสินใจบินสูงขึ้นไปอีก ท้องนภาคือสนามรบสามมิติสำหรับที่ผู้ที่มีปีก

รอสวาล: ――อัล ดูเอต อัลเตอร์: ――อึก!?

แต่แล้ว [มังกรเทพ] กลับบินขึ้นไปชนมวลน้ำมหึมาจนสูญเสียการรับรู้ทิศทาง พอรู้ตัวอีกมันก็ถูกกักขังอยู่ภายในคุกน้ำทรงกลมกลางเวหา มันคือลูกบอลน้ำขนาดใหญ่หลายสิบเมตรที่สร้างขึ้นมาจากการรวบรวมความชื้นในอากาศและกระแสน้ำใต้พิภพให้มารวมตัวกันที่จุดเดียว

รอสวาล: ลืมว่าฉันมีตัวตนแล้วสนุกกันใหญ่เชียว เย็นชาเหลือเกินน้าาาา~

ผู้ร่ายมนตร์คือรอสวาลผู้ยืนอยู่บนพื้นผิวที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผลึกแก้วสีดำโดยลูกหลงจากลมหายใจมังกร เขาฉีกยิ้มและชี้นิ้วไปยังลูกบอลน้ำต่อ “ดูเอต” หมายถึงการบรรเลงคู่และเวทมนตร์บทนี้ก็มีระลอกสองต่อเช่นกัน ความร้อนภายในลูกบอลน้ำเริ่มเดือดจนมีฟอง ส่งผลให้ [มังกร] ถูกต้มทั้งเป็น

คลินด์: ขอเล่นใหญ่อีกสักหน่อยแล้วกันขอรับ ‘อัสนีคำรณ’

เท่านั้นไม่พอ คลินด์ยังพุ่งเข้าไปต่อยซ้ำใส่ลูกบอลน้ำและส่งอัสนีสีม่วงกระจายเข้าไปจนทั่ว เผาทำลายทั้ง [มังกร] และมวลน้ำทรงกลมไปพร้อมกัน ลูกบอลน้ำระเบิดออกเพราะความร้อนและแรงดันที่สูงเกินพิกัด สายฟ้าและกระแสน้ำกระจายไปทั่ว มวลน้ำที่เหลืออยู่ร่วงหล่นลงมาดุจสายฝน . การประสานพลังระหว่างมนุษย์มกรกับจอมเวทก่อให้เกิดแรงระเบิดที่สามารถทำลายเมืองขนาดเล็กทิ้งได้ แล้วเจ้า [มังกร] ก็รับการโจมตีนั้นเข้าไปเต็มๆ

อัลเตอร์: ――อา แม่งเอ๊ย ค่อยหัวเย็นลงหน่อย

ทันใดนั้นปีกมังกรก็ผ่ากระแสน้ำกลางอากาศจนแยกออก เผยให้เห็น [มังกรเทพ] ที่กำลังบ่นอุบอิบอยู่ตรงจุดศูนย์กลางแรงระเบิดในสภาพไร้บาดแผล การทำดาเมจศัตรูไม่ได้ทั้งที่ทุ่มพลังโจมตีไปขนาดนั้นย่อมทำให้ฝั่งรอสวาลรู้สึกระทมใจไม่น้อย แต่คลินด์ที่ลงจอดข้างๆ ช่วยดึงสติเขากลับมา

รอสวาล: ――กะแล้วเชียว เกล็ดมังกรกับรัศมีมังกรที่ปกป้อง [แกนวิญญาณ] อยู่นี่มันยุ่งยากแท้เน้ออออ~

เกล็ดมังกรและรัศมีมังกรคือปัจจัยหลักที่ทำให้ [มังกรเทพ] วอลคานิก้าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเหนือกว่า [มังกร] ตัวอื่นในใต้หล้า [มังกรเมฆา] เมโซเรย์อายังเยาว์วัยเกินไป ส่วน [มังกรอสูร] วาลเกรนก็สูญเสียมนุษย์มกรของตนจนอนาคตดับสิ้นไปพร้อมกับสมดุลของจิตใจ มังกรทั้งสองตนนั้นไม่มีโอกาสได้พัฒนา “เกล็ดมังกร” ซึ่งทนทานต่อการโจมตีกายภาพและ “รัศมีมังกร” ซึ่งทนทานต่อเวทมนตร์ให้สมบูรณ์เหมือนอย่างวอลคานิก้า ตราบใดที่ไม่สามารถเจาะทะลวงการป้องกันสองชั้นข้างต้นได้ ก็อย่าหวังที่จะสังหาร [มังกร] เต็มวัยซึ่งร่างกายสร้างขึ้นจากมานาและมีพลังฟื้นฟูมหาศาลได้เลย เอ็กซ์เพิร์ต(ผู้เชี่ยวชาญ)ทั้งทักษะต่อสู้กายภาพและเวทมนตร์คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากต้องการจะเจาะทะลวงไปให้ถึง [แกนวิญญาณ] ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมังกร . ในฐานะที่คลินด์เคยเป็นตัวตนเดียวกับ [มังกรเทพ] มาก่อน เขารู้ว่าจุดอ่อนอีกอย่างที่วอลคานิก้าแพ้ทางสุดๆ ก็คือ [ดาบมังกร] ดาบมนตราเล่มนั้นสามารถโจมตีใส่ [แกนวิญญาณ] โดยตรงและเพิกเฉยต่อเกล็ดมังกรและรัศมีมังกรไปได้เลย แต่แน่นอนว่าทั้งสองไม่มี [ดาบมังกร] อยู่กับตัว

คลินด์: แจ้งให้ทราบไว้ก่อน กรณีเกล็ดมังกรน่ะเล็งเป้าไปที่เกล็ดย้อนบริเวณคอก็ได้ขอรับ ‘แผลเก่า’ ส่วนรัศมีมังกรนั้น …คงขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามของนายท่านกระมัง ‘คาดหวัง’

รอสวาล: ไพ่ตายใบแรกพึ่งจะคว้าน้ำเหลวไปหยกๆ แต่ยังอุตส่าห์ยกยอฉันได้อีกเหรออออเนี่ย คลินด์: งั้นหรือขอรับ ――หากเป็นท่านเอคิดน่าคงจะทำได้ ‘พูดคนเดียว’

สมกับที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน คลินด์รู้ดีว่าต้องพูดแหย่อย่างไรถึงจะปลุกจิตต่อสู้ที่มัวหมองของรอสวาลให้กลับมาลุกโชนเพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่อได้ รอสวาลมิได้หยิ่งผยองพอที่จะมองว่าตนก้าวข้ามอาจารย์ไปแล้ว แต่ในฐานะลูกศิษย์ เขาย่อมอยากที่จะแสดงผลงานให้สมเกียรติผู้เป็นอาจารย์

ประวัติศาสตร์ของเวทมนตร์คือวัฏจักรแห่งการลองผิดลองถูก(Trial&Error) เช่นเดียวกับชีวิตของรอสวาลที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายหลังสูญเสียอาจารย์ไป พอแก้ไปหนึ่งปัญหา ปัญหาใหม่ก็ผุดออกมา กระนั้นสาเหตุรอสวาลมาได้ไกลถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าเขาสามารถหาทางแก้ไขได้ทุกปัญหาที่เคยเผชิญหน้า

รอสวาล: เดิมทีมันก็ไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีศักยภาพเหนือไปกว่าฉันอีกแล้ว

สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าในยุคปัจจุบันไม่มีจอมเวทคนใดเหนือไปกว่ารอสวาลอีกแล้ว เขาขัดเกลาทักษะตนเองมากว่า 400 ปีก็เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคนี้ “ตราบใดที่เป็นเรื่องเวทมนตร์ ไม่มีอุปสรรคใดที่ตัวเขามิอาจก้าวข้ามได้” นั่นคือคำสาบานของรอสวาลผู้เลือกก้าวเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม

รอสวาล: ――ฉันจะขอทุ่มเทตัวตนทั้งหมดทั้งมวลของฉันเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคนี้ให้จงได้

ว่าแล้วรอสวาล L เมเธอร์สผู้ตั้งมั่นจะเจาะทะลวงรัศมีมังกรจึงเริ่มร่ายเวทมนตร์สุดแสนซับซ้อนที่สามารถแผดเผาสมองของจอมเวททั่วไปได้เลย . ส่วนตัวแล้วคลินด์มองว่าการเป็นมนุษย์มกรมาพร้อมกับปัญหาน่าปวดใจ นั่นคือการเป็นตัวตนที่ผสานรวมระหว่างปัจจุบันกับอดีตจนแยกแยะได้ยาก มนุษย์มกรเป็นทายาทรุ่นต่อไปของ [มังกร] ก็จริง กระนั้นพวกเขาก็ยังได้รับสืบทอดทั้งความทรงจำ ประสบการณ์ และอารมณ์ความรู้สึกมาจากร่างต้นอยู่ดี ด้วยเหตุนั้น คลินด์ผู้เคยเป็นตัวตนเดียวกับวอลคานิก้ามาก่อนจึงมีความรู้สึกอิจฉาต่อผู้ที่เปี่ยมล้นด้วยศักยภาพที่ยังไม่สุกงอม

วอลคานิก้านั้นถือกำเนิดมาเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก เขาจึงชื่นชมเหล่ามนุษย์ผู้ด้อยประสบการณ์ที่ดิ้นรนต่อต้านชะตากรรมและพัฒนาตนเองเพื่อจุดมุ่งหมาย นิสัยนั้นถูกส่งต่อมายังคลินด์ มันส่งผลให้เขาทั้งเคารพ เอ็นดู ยกย่อง และรักใคร่ห่วงใย “เด็กน้อย” ในฐานะตัวตนที่เปี่ยมล้นไปด้วยศักยภาพ

นั่นคือสาเหตุที่เฟรเดริก้ากับใครอีกหลายคนเข้าใจรสนิยมทางเพศของคลินด์ผิดไป ทั้งที่เขาแค่ได้รับสืบทอดนิสัยนี้มาจากตัวตนชาติก่อนแท้ๆ มิหนำซ้ำเฟรเดริก้ายังมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์มกรในประเด็นอื่นที่เจ้าตัวอยากเก็บเป็นความลับอยู่อีก คลินด์จึงไม่มีโอกาสได้แก้ไขความเข้าใจผิดนี้เสียที

คลินด์: จะว่าไปแล้ว แอบน้อยใจเหลือเกินขอรับที่ต้องอยู่ห่างจากท่านแอนเนโรเซ่ เพทร่า ท่านเบียทริซ เมลี่ และท่านเอมิเลีย ‘ท้อใจ’ . มังกรกับมนุษย์มกรถือเป็นตัวตนที่เชื่อมโยงกัน ทั้งสองฝ่ายเติบโตร่วมกัน แล้วถ้าหากมนุษย์มกรตาย จิตใจของมังกรก็จะวอดวายตามไปด้วย ที่จริงมนุษย์มกรสามารถสัมผัสเปลือกมังกรที่ว่างเปล่าเพื่อย้ายจิตใจไปสิงสู่ร่าง [มังกร] ต้นกำเนิดยามคับขันเพื่อสำแดงฤทธิ์เดชก็ยังได้

คลินด์: ได้ยินว่าเมโซเรย์อากับเด็กสาวผู้เป็นมนุษย์มกรของหล่อนทำเช่นนั้นที่จักรวรรดิเสียด้วย ‘สนใจ’

ตลอดชีวิตคลินด์แทบไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับมนุษย์มกรตนอื่นเลย เขาจึงคาดหวังว่าสักวันอยากจะพูดคุยกับ “มาเดลิน” ผู้ถือกำเนิดใหม่ในวอลลาเคีย เมื่อ 40 ปีก่อนตัวคลินด์เองก็เคยย้ายจิตใจไปสิงร่าง [มังกรเทพ] วอลคานิก้าเพื่อเติมเต็มสนธิสัญญาที่มีร่วมกับราชอาณาจักรลูกุนิก้า แต่ในปัจจุบันเปลือกมังกรได้ถูกช่วงชิงไปด้วยวิธีการสกปรกบางอย่าง การแย่งชิงร่างกายมิใช่เรื่องแปลกใหม่ คลินด์รู้จักวิญญาณร้ายนาม “จูส” ที่ทำเช่นนั้นได้

คลินด์: รำลึกเอาป่านนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ‘อ่อนไหว’ . วิธีแย่งชิงเปลือกมังกรคืนมาคือการโจมตีใส่ [แกนวิญญาณ] ซึ่งทำได้ยากในกรณี [มังกรเทพ] ผู้มีทั้งเกล็ดมังกรและรัศมีมังกรปกป้องไว้สองชั้น การทะลวงการป้องกันเวทมนตร์เป็นหน้าที่ของรอสวาล ส่วนการป้องกันทางกายภาพนั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่ “เกล็ดย้อน” ซึ่งเป็นรอยแผลเก่า

คลินด์: น่าหงุดหงิดเหลือเกินที่สุดท้ายการโจมตีจากเจ้าคนมารยาททรามนั่นดันกลายมาเป็นช่องทางเอาชนะไปเสียได้ ‘โมโห’

ชายสติเพี้ยนผู้โปรดปรานเนื้อมังกร [นักดาบเทวา] เรด แอสเทรอาเคยขอกินหางกับเครื่องในของเขาในชาติก่อน แถมยังพยายามจะควักหัวใจอีก ไม่เข้าใจเลยว่าหมอนั่นมองเพื่อนร่วมเดินทางเป็นอะไรกันแน่ สุดท้ายการตื้อไม่เลิกของเรดก็นำไปสู่ศึกดุเดือดที่ทำให้วอลคานิก้าได้รับแผลเป็นมา

สรุปแล้วพวกคลินด์ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเกล็ดมังกร เงื่อนไขแห่งชัยชนะอยู่ที่ว่ารอสวาลจะก้าวข้ามรัศมีมังกรได้ไหม หน้าที่ของคลินด์จึงเป็นการสร้างจังหวะให้แก่เขา รอสวาลทุ่มเทเวลากว่า 400 ปีขัดเกลาด้านทักษะเวทมนตร์มาเพื่อการนี้ ศึกนี้จึงถือเป็นบททดสอบสำคัญในชีวิตของเขา

ในฐานะ [มนุษย์มกร] คลินด์อดมิได้ที่รู้สึกว่ารอสวาลผู้เผาผลาญชีวิตตนเองอย่างไร้เดียงสานั้นช่างน่ายกย่อง น่าหวงแหน และน่าเอ็นดูเหลือเกิน . เสียงคำรามของ [มังกรเทพ] ที่สั่นสะเทือนได้ทั้งสวรรค์และโลกอัดกระแทกเข้าใส่ร่างของคลินด์ มันคือคลื่นเสียงที่ฉีกกระชากท้องฟ้าไปพร้อมกับเหยื่อ แต่ก่อนที่ร่างจะแหกออกจากกัน คลินด์ก็ได้กระโจนหนีเข้าไปในม่านหมอกขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคน้ำเล็กจิ๋วซึ่งช่วยลดทอนคลื่นเสียง

รอสวาล: ――อัล ทรีโอ

แสงสามสี แดง น้ำเงิน เขียว พุ่งแซงหน้าคลินด์เข้าไปหาเป้าหมายและก่อให้เกิดการระเบิดกว้างร้อยเมตร เจ้า [มังกร] ถูกพายุเพลิงน้ำแข็งโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าโปร่งใสที่เป็นสนามรบหลักถูกย้อมทับด้วยสีของวันสิ้นโลกหรือไม่ก็นรก แต่คลินด์ผู้ขับขี่หมอกด้วยสายฟ้ากลับมุ่งหน้าเข้าสู่ขุมนรกแห่งนั้น

อัลเตอร์: ――เวลคัม!!

ศึกระหว่างผู้มีชีวิตรอดมาตั้งแต่ยุคสมัยของ [แม่มด] ย่อมไม่จบลงง่ายๆ [มังกรเทพ] สยายปีกและเสกแขนศิลายักษ์ออกมา 12 ข้างเพื่อรอต้อนรับคลินด์

คลินด์: ――ตรวนผนึก ปลดขั้นที่สอง

เขาสีดำบนศีรษะเปล่งแสงออกมา จากนั้นอัสนีสีม่วงที่ห่อหุ้มร่างก็ได้มอบทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีที่เทียบเท่า [มังกร] ให้แก่คลินด์เป็นการชั่วคราว สายฟ้าฟาดดังสนั่นหวั่นไหวในขณะที่กำปั้นหินของ [มังกรเทพ] ถูกคลินด์ผู้เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นอาวุธไร้เทียมทานทำลายทิ้งไปทีละข้าง . ไม่มีผู้ใดสามารถดึงศักยภาพของเปลือกมังกรออกมาได้ทรงพลังเท่าคลินด์อีกแล้ว แต่เจ้าผู้ช่วงชิงเลือกกลบจุดด้อยด้วยลูกเล่นกลโกงที่ปกติมังกรไม่ใช้กัน ระหว่างที่กระหน่ำจู่โจมด้วยกำปั้นหิน กรงเล็บมังกร และหางแส้ [มังกรเทพ] ก็คอยคลุกเคล้ากระแสอัคคีและวารีที่อัดแน่นอยู่ภายในลำคอไปด้วย พอรู้ตัวว่าความร้อนและความชื้นในปาก [มังกร] ใกล้จะปะทุออกมา คลินด์ก็รีบอาศัยแรงระเบิดจากอัสนีสีม่วงเพื่อดีดตัวถอยหลังให้พ้นระยะ แต่เขาดันไปชนเข้ากับแขนศิลาที่โผล่มาดักหลังไว้ก่อนแล้ว คลินด์จึงพยายามที่จะใช้ระบำสายฟ้าฟาดฝ่าออกไปจากฝ่ามือหินที่กำลังหุบลงมา

อัลเตอร์: ――หายไปซะ!

คลื่นความร้อนที่แผดเผาทุกสิ่งและคลื่นกระแทกที่ฉีกโลกาให้แยกได้ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงคำราม มันคือทัณฑ์สวรรค์ต่อคลินด์ผู้คิดท้าทาย [มังกร] ในเมื่อยังไงก็หลบหนีไม่พ้น คลินด์จึงปลดม่านพลังที่ห่อหุ้มทั้งร่างอยู่ออกแล้วสลับอัสนีสีม่วงไปยังเขาสีดำเพื่อสร้างเกราะป้องกันที่เทียบเท่าได้กับรัศมีมังกรแทน กระนั้น หากต้องรับการโจมตีของ [มังกรเทพ] เข้าไปอย่างจังในสภาพนี้ คลินด์มีหวังได้บาดเจ็บสาหัสเจียนตายอย่างแน่นอน

รอสวาล: ――อัล ควอร์เต็ต อัลเตอร์: เฮ้ยๆ ถามจริง…

แต่แล้วการโจมตีสุดทรงพลังที่สามารถทำลายทั้งเมืองทิ้งได้เลยนั้นก็ถูกแก้ทางโดยการเปิดใช้งานเวทมนตร์ระดับสูงสี่ธาตุพร้อมกัน . พอแขนศิลาที่กักตัวคลินด์อยู่ถูกเผาทำลายทิ้งจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม รอสวาลผู้หักล้างการโจมตีของ [มังกรเทพ] ก็บินตามขึ้นมาสมทบพอดี น่าเหลือเชื่อที่ร่างกายมนุษย์ของรอสวาลสามารถแก้ทางการโจมตีแสนทรงพลัง แถมยังป้องกันมิให้คลินด์โดนลูกหลงไปด้วย หากผิดพลาดเพียงนิดเดียว ระเบิดเวทมนตร์ของ [มังกรเทพ] จะได้รับการเสริมแกร่งแทน สิ่งที่เขาพึ่งทำไปจึงมีความยากระดับการร้อยด้ายจากระยะหนึ่งกิโลเมตร

รอสวาล: …เสียท่าจนด้ายยย~

ทว่า ผลสะท้อนจากการหักล้างการโจมตีทำให้ร่างกายของรอสวาลพังยับเยิน โดยเฉพาะส่วนแขนขวาที่เนื้อไหม้กลายเป็นสีดำแดง

คลินด์: นายท่าน! ‘เร่งรีบ’

รอสวาลผู้มิอาจใช้เวทมนตร์รักษาได้เจ็บหนักจนสูญเสียการควบคุมและร่วงหล่นจากฟ้าในสภาพหัวทิ่มลง คลินด์จึงรีบดีดตัวกลางอากาศไปรับเขาไว้ อัลเตอร์: อย่าถือสากันเลยนะ พอดีว่าออริจินกำลังรออยู่น่ะ! [มังกรเทพ] ตวัดปีกแหวกห้วงอากาศมาจู่โจมอย่างต่อเนื่องไม่ลดละ ฝั่งคลินด์จึงต้องห่อหุ้มร่างด้วยสายฟ้าและหลบหลีกแบบสุดชีวิต คลินด์ที่อุ้มรอสวาลอยู่เตะทำลายคมดาบสายลม ใช้ร่างกายตนเองรับปีกมังกร จากนั้นก็จุดประกายอัสนีเพื่อผลักร่างถอยหลังหนีไปตั้งหลัก . พอหลงนึกว่าเว้นระยะห่างมาพอสมควรแล้ว หางมังกรก็ฟาดเข้าใส่พวกคลินด์แบบเต็มข้อจากเบื้องบน โชคดีที่คลินด์ยกแขนมาป้องกันไว้ได้ทัน แต่ถึงจะรอดตายมาได้หวุดหวิด คลินด์กับรอสวาลก็ถูกฟาดตกลงไปโหม่งโลกอยู่ดี การร่วงด้วยความเร็วระดับนี้ไม่ต่างอะไรจากการขุดหลุมฝังตัวเอง

อัล: ――ขอตอกฝาโลงไปเลยละกัน

เท่านั้นไม่พอ [มังกรเทพ] ยังอุตส่าห์ถือโอกาสสูดหายใจให้เต็มปอดแล้วปลดปล่อยลมหายใจมังกรแบบเต็มพิกัดออกมาซ้ำศพให้พวกคลินด์อับจนหนทาง

รอสวาล: ――อัล ควินเต็ต

ในตอนนั้นเองที่รอสวาลได้ปลดปล่อยพลังโจมตีขั้นสูงสุดของเขาออกมา มันคือแสงห้าสีที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นวงแหวนเวทมนตร์กลางเวหา อัคคี วารี วายุ ปฐพี และตะวัน เวทมนตร์ 5 ธาตุที่มีหลักการต่างกันได้ทับซ้อนกันและเข้าปะทะกับลมหายใจของ [มังกรเทพ] จนเสียงและสีหายไปจากโลกชั่วขณะ เพลิงเดือดพล่าน นภาเยือกแข็ง สายลมหมุนวน พสุธากัมปนาท และเวทตะวันที่เสริมแกร่งทั้งหมดให้ผสานรวมกันเป็นเสาแห่งแสงที่เปลี่ยนสนามรบจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม

เวทมนตร์บทนั้นมีอานุภาพในการปั่นป่วนสมดุลของโลกพอๆ กับศาสตร์ต้องห้ามมากมายที่เคยถูกโอโด ลากูน่าลบเลือนทิ้งไปในอดีต มันคือเวทมนตร์ ไม่สิ มันคือ [มหาเวท] ที่ย่างก้าวเข้าไปในขอบเขตของสิ่งต้องห้าม มิใช่พลังในการ [ทำลายล้าง] หากแต่เป็นพลัง [ลบล้าง] สาเหตุที่โอโด ลากูน่ายังมิเคยหักห้ามการใช้งานมหาเวทบทนี้เป็นเพราะว่ามีผู้ที่สามารถใช้งานมันได้นอกเหนือจากรอสวาลเพียงแค่สองคน ――[แม่มดแห่งโลภะ] เอคิดน่า และ [จอมเวทปฐมกำเนิด] เมียนเมียน . หลายคนอาจจะชิงชังเส้นทางที่รอสวาลเลือกเดินและรังเกียจวิธีการใช้ชีวิตของเขา แต่คลินด์กลับไม่ปฏิเสธหรือดูแคลนมันเลยสักนิด คลินด์รู้สึกทึ่งและตื้นตันใจด้วยซ้ำที่น้ำพักน้ำแรงของมนุษย์เพียงคนเดียวจะสามารถนำพาเจ้าตัวมาสู่การใช้มหาเวทระดับจำลองหายนะขึ้นมาได้ คลินด์นั้นรักศักยภาพในตัวของมนุษย์ รอสวาลจึงได้คะแนนเกือบเต็มในฐานะตัวตนที่อ่อนแอ เปราะบาง น่าสมเพช แต่มิเคยยอมแพ้ที่จะดิ้นรนเพื่อจุดมุ่งหมายอันห่างไกล หากไร้พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ เขาคงจะยอมแพ้ไปนานแล้ว หากถูกเลือกเป็น [นักดาบเทวา] เส้นทางของเขาก็คงจะไม่ทรหดถึงเพียงนี้ รอสวาลมิใช่ทั้งสองอย่าง เขาเป็นเพียงชายที่มีความยึดติดแบบกู่ไม่กลับ ด้วยเหตุนั้น คลินด์จึงเคารพวิถีทางของเขา ยอมรับเส้นทางของเขา และให้เขายืมพลัง

คลินด์: ความปรารถนานั้น ยังคงส่องประกายอยู่ภายในตัวกระผมขอรับ ――‘สาบาน’

ว่าแล้วคลินด์จึงวางร่างของรอสวาลผู้ฝืนใช้งานเกทเกินพิกัดจนตัวสั่นเกร็งและน้ำตาไหลเป็นเลือดลงบนพื้น ให้เขาทนนอนบนเตียงดินทรายไปก่อน เนื่องจากว่า [มังกรเทพ] บนท้องนภาที่พึ่งรับสุดยอดการโจมตีของจอทเวทเข้าไปนั้น ยังคงอยู่ในสภาพไร้บาดแผล . คลินด์: ห้าวินาทีขอรับ นายท่าน ‘รายงาน’

รอสวาลในสภาพปางตายได้สติกลับคืนมาเพราะคำพูดนั้น พอมาคิดดูแล้ว อีกฝ่ายน่าจะมีโอกาสสังหารรอสวาลเกิน 50 รอบในช่วงห้าวินาทีนั้นด้วยซ้ำ หากฝั่งศัตรูยึดตามกฎ [ห้ามสังหาร] อย่างที่ได้หารือกันไว้จริง เจ้ามังกรก็ควรที่จะทำลายแขนขาเขาทิ้งและจับแช่แข็งเอาไว้เสียดีกว่า

ในศึกนี้คลินด์ได้ทำหน้าที่แนวหน้าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ปัญหาอยู่ที่ระดับทักษะอันน่าสมเพชของรอสวาลเอง เขาอุตส่าห์หวังไว้ว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่านี้ นี่คือศึกสำคัญที่สุดในชีวิตของรอสวาลนับตั้งแต่ตอนที่เขาต่อสู้กับ [จอมขมังเวทแห่งโศกา] ร่วมกับคลินด์ มันควรจะเป็นบททดสอบศักยภาพด้านเวทมนตร์ของเขา นี่มิได้แปลว่า [มังกรเทพ] แกร่งเหนือกว่า [จอมขมังเวทแห่งโศกา] เสียทีเดียว ผลลัพธ์อันเลวร้ายนี้สะท้อนว่าพวกรอสวาลควรที่จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขแห่งชัยชนะ . รอสวาลรู้ขีดกำจัดของตนเองดี แรงกายเขาไม่เหลือหลอ ร่างกายสะบักสะบอม ใช้งานมานามากเกินไปจนพลังชีวิตถูกดูดกลืนไปบางส่วนด้วย กระทั่งไม้ตายก้นหีบอย่างการเปิดใช้งานเวทมนตร์ระดับอัล 5 ธาตุพร้อมกันก็ยังเจาะทะลวงรัศมีมังกรของ [มังกรเทพ] ไม่ไหว

แม้แต่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย รอสวาลก็ยังไม่เคยใช้เวทมนตร์ระดับอัล 6 ธาตุพร้อมกันได้สำเร็จมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงสภาพทุลักทุเลในตอนนี้เลย อาการสมองร้อนเหมือนถูกต้มและความเจ็บปวดราวกับเลือดทั่วทั้งร่างไหลย้อนกลับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเกทที่ตระกูลของเขาฟูมฟักมาอย่างดีตลอด 400 ปีใกล้จะพัง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝืนมากไปกว่านี้ เขาควรลดระดับความยากของเฮอร์เดิล(อุปสรรค)ลงมาหน่อย เพื่อที่จะได้เติมเต็มโควตาขั้นต่ำให้สำเร็จ

เดิมทีเป้าหมายของศึกนี้ก็คือการยื้อ [มังกรเทพ] เอาไว้เพื่อขัดขวางแผนการของอัลเดบารัน รอสวาลจึงควรทำแค่สนับสนุนคลินด์จากแนวหลังก็พอ . 【เอมิเลีย: รอสวาล ก็ไม่อยากให้ฝืนเกินตัวอยู่หรอก แต่นี่คือบทบาทที่สำคัญม๊ากมากเลยนะ เพราะงั้น พยายามเข้าล่ะ!】 【เรม: ท่านรอสวาล ขออภัยสำหรับปัญหาที่เคยก่อไว้จนถึงตอนนี้ด้วยนะคะ ในที่สุดก็จะได้ตอบแทนความกรุณาเสียทีค่ะ มาช่วยคนๆ นั้น… มาช่วยสุบารุคุงด้วยกันเถอะนะคะ!】 【เพทร่า: ในเมื่อนายท่านพูดไว้เองว่าทำได้ รบกวนอย่ามากลับคำทีหลังเชียวนะคะ …ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่านายท่านจะพ่ายแพ้ใครหน้าไหนหรอกนะ】 【รัม: ท่านรอสวาล ขอให้โชคดีมีชัย ――แล้วก็ ทำให้เต็มที่เลยนะคะ】

พอรู้ตัวอีกที รอสวาลก็ลุกขึ้นยืนในสภาพแขนห้อย ทั้งที่การรอสนับสนุนคลินด์ควรจะเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบและชาญฉลาดกว่าแท้ๆ

“นี่ตัวเราลุกขึ้นยืนไปเพื่ออะไรกันนะ”

น่าแปลกเหลือเกิน แทนที่จะยึดแนวทางจากสุดยอดจอมเวทที่เขานับถือ รอสวาลกลับคิดที่จะต่อสู้แบบเจ้าเล่ห์เยี่ยงจอมเวทดาษดื่นผู้กระหายชัยชนะ ทั้งๆ ที่ทุกสิ่งที่เขาตระเตรียมมาใช้ไม่ได้ผล ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยสร้างผลงานเกินขีดความสามารถของตนเองได้มาก่อน เหตุใดกันเขาจึงยังไม่ยอมแพ้?

??: ――อะไรกัน ยืนกลับขึ้นมาหรอกเหรอ กะว่าจะเสียบแทนบทบาทอยู่แล้วเชียวนะ

บางทีคงเป็นเพราะเขาแปลกใจต่อการกระทำของตนเองมากพอแล้ว การปรากฏตัวของบุคคลที่คาดไม่ถึงจึงมิได้ทำให้รอสวาลประหลาดใจนัก

รอสวาล: ขอโทษด้วยนะ พอดีไม่เหลือเรี่ยวแรงจะเอียงคอดูแล้ว …นายตัวเตี้ยเกินจนดูไม่ออกว่าเป็นใครก็จริงอยู่ แต่ที่นี่ม่ายยยยเหมาะสำหรับเด็กหรอกนะ

??: เรียกใครเป็นเด็กกันฟะ! …แกนี่มัน ช่างเป็นชายที่น่าหงุดหงิดซะเหลือเกินนะ!

พื้นที่ชายคนข้างๆ ยืนอยู่นูนขึ้นมาเพื่อให้ตัวเขาอยู่ในระดับสายตาเดียวกับรอสวาล มันเป็นการใช้งานเวทมนตร์ที่สิ้นเปลือง แต่รอสวาลก็มิได้ติดใจอะไร หลังจากนั้นคนแคระผมเขียวในชุดเสื้อคลุมสีดำก็กอดอกแล้วประกาศออกมาว่า…

เอซโซ่: จะช่วยตอกย้ำให้แกได้จดจำแบบไม่มีวันลืมเองว่าตัวฉันเป็นใคร ――[สีเทา] เอซโซ่ คาโดน่าผู้นี้นี่แหละที่จะก้าวข้าม [มังกรเทพ] นำหน้าแกให้เห็นเป็นบุญตาเอง! . จบตอน