
Re: zero เว็บโนเวล บทที่ 9 ตอนที่ 49 "จอมเวท"
. ผู้ช่วงชิงเปลือกมังกรควรจะไม่ต่างอะไรจากทารกที่ได้รับร่างกายของ [นักดาบเทวา] ไปแท้ๆ แต่พอศึกเริ่มยืดเยื้อ เขากลับปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
เห็นได้ชัดจากกรงเล็บมังกรที่ฉีกห้วงมิติจนเกิดเป็นสุญญากาศออกมาตัดเส้นทางหลบหนีของคลินด์ผู้ทะยานไปมากลางเวหาให้แคบลง
การผ่านศึกกับคู่ต่อสู้สุดแกร่งอย่าง [นักดาบเทวา] และ [อสูรดาบ] ทำให้อีกฝ่ายพัฒนาจนเกล็ดมังกรกับรัศมีมังกรที่ปกป้อง [แกนวิญญาณ] อยู่เปล่งประกาย
คลินด์: นี่หรือศักยภาพของมนุษย์… ‘ปลาบปลื้ม’
ห้วงนภาเต็มไปด้วยรอยแยก วายุอัสนีพัดพาทั้งศิลาก้อนใหญ่และเศษน้ำแข็งจนปลิวว่อนไปทั่ว แถมยังมีคลื่นกระแทกที่เข้าปะทะกันเกินกว่ายี่สิบจุด
ท่ามกลางศึกที่สุดแสนโกลาหลนั้น คลินด์กลับหวนนึกถึงเหล่าสหายที่ถูกขับไล่ให้อพยพไปยังอีกฟากฝั่งของมหาน้ำตกเมื่อ 400 ปีก่อน
[มังกร] นั้นชอบโอ้อวดว่าพวกตนสมบูรณ์แบบ วางก้ามเป็นพี่ใหญ่และเรียกร้องความสนใจด้วยขนาดตัวหรือเสียงฝีเท้าที่แสนอหังการ
พวก [มังกร] ที่ทิ้งโลกไว้เบื้องหลังมองว่าพวกที่ยังอยู่ต่อนั้นสติเพี้ยนทั้งๆ ที่พวกเขาคอยเรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ ไม่ยอมแพ้หรือหยุดชะงักอยู่กับที่
การถือกำเนิดของมนุษย์มกรคือหลักฐานอย่างดีว่า [มังกร] ที่ยังอยู่ต่อนั้นใช้ศักยภาพในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ถูกดีไซน์ให้เป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตได้เหนือกว่า
. คลินด์แปรเปลี่ยนอัสนีสีม่วงรอบตัวให้กลายเป็นสายฟ้าคำรามที่ผ่าทำลายก้อนศิลาและเศษน้ำแข็ง แถมยังดึงความสนใจไปจากสองคนด้านล่าง
เอซโซ่:――ลูกเล่นของ [มังกรเทพ] ที่ทำให้ไพ่ตายของแกสิ้นฤทธิ์ ก็คือเกล็ดมังกรกับรัศมีมังกรเองสินะ
รอสวาล: คำว่า “สิ้นฤทธิ์” มันชวนให้ท้อแท้เหลือเกิน ทางนี้อยากให้เรียกว่า “เป็นโมฆะ” หรือ “หมดพิษสง” แทนจะดีกว่าหล่าน้าาา
เอซโซ่: มันใช่เวลามาติดใจกับเรื่องขี้ปะติ๋วไหมเนี่ย! …การร่ายมนตร์ต่างธาตุพร้อมกันเนี่ยใช้หลักการของ [พิธีเวทสูตรไขว้สองธาตุ] อย่างงั้นเหรอ? แต่ว่า ถ้าเกิดผสมสามธาตุล่ะก็ ต้องทำยังไงกับแรงดันบรรจบระหว่างอัคคีกับวายุกันล่ะ?
รอสวาล: ง่ายนิดเดียวเอง ก็แค่เอาแรงดันบรรจบมาใข้เป็นแกนกลางไปเลย ความไม่สมดุลในพิธีเวทที่เกิดขึ้นจากการแทรกแซงกันเองน่ะ สามารถปรับแก้ตามธาตุที่สามได้ ถ้าเป็นวารีก็เพิ่มอัคคี ถ้าเป็นปฐพีก็เพิ่มวายุ
เอซโซ่: เอา “การแทรกแซงแบบเกลียวหมุนของธาตุ” มาใช้อย่างงั้นเหรอ!? บ้าไปแล้ว ขืนเกิดการปะทะของธาตุขั้วตรงข้าม พิธีเวทจะหักล้างกันเองจนเกินขอบเขตเบี่ยงเบนวิกฤติของเกทเอาน่ะสิ …การบีบย่อแบบสุดขั้วงั้นสินะ!
รอสวาล: โฮ่ ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะมาไกลถึงจุดนั้นได้ด้วยตนเอง จากเท่าที่เห็น ใช้โครงสร้างพิธีเวทแบบแปลกใหม่ด้วย แถมยังเรียนรู้เองอีกต่างหาก …ไม่สิ พอลองดูดีๆ แล้ว นั่นมันโครงสร้างพิธีเวทที่ตระกูลของเราสองรุ่นก่อนหน้าเหลือทิ้งไว้นี่นา?
เอซโซ่: …กรอด!
รอสวาล: ทุกวันนี้แนวคิด [วงจรกระแสสมดุล] ที่มองว่ามานาไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายเป็นวงจรนั้นกลายเป็นกระแสหลักไปแล้ว มันก็เลยถูกทิ้งไปเพราะไม่มีใครเห็นค่า …เอกสารก็สูญหายไปตั้งนานนมแล้วด้วย อย่าบอกนะว่าฝีมือนาย?
เอซโซ่: กะ…การจะก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเวทมนตร์ให้บรรลุ มันก็ต้องเตรียมใจไว้บ้างไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว! เอาเข้าจริงแล้ว ตำรามันถูกทิ้งไว้จนฝุ่นเกาะในร้านแผงลอยเลยนะเฟ้ย! จากตรงนั้นแหละที่ฉันได้ค้นพบแนวคิด [วงจรกระแสรวมศูนย์] มันช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการใช้มานาในการร่ายเวทมนตร์ได้อย่างน่าทึ่งเชียวล่ะ!
รอสวาล: ขโมยทฤษฎีของคนอื่นไปใช้แท้ๆ หน้าด้านจังน้าาา
เอซโซ่: ขอยอมรับว่ามันช่วยจุดประกายแนวคิดตั้งต้น แต่การปรับปรุงและพัฒนาต่อจากนั้นน่ะเป็นเรื่องสามัญของความก้าวหน้าอยู่แล้ว! หรือจะบอกว่าไม่มีใครช่วยฝึกฝนและสั่งสอนแกเลยอย่างงั้นเหรอ!?
รอสวาล: …
เอซโซ่: อย่าเงียบไปเฉยๆ เซ่! เดิมที ต่อให้ยกประโยชน์ให้จำเลยมันก็ไม่ใช่ผลงานแก แต่เป็นสุดยอดผลงานของคุณหญิงรอสวาล J เมเธอร์สที่เป็นรุ่นย่าของแกต่างหากล่ะ!
รอสวาล: ถ้างั้นขอบอกเลยว่ามันก็ไม่ต่างอะไรจากผลงานของฉันเองหรอก ――กลับเข้าประเด็นกัน ไม่เคยคำนึงถึง [วงจรกระแสรวมศูนย์] มาก่อนเลย ในเมื่อเข้าใจปัญหาของ [พิธีเวทสูตรไขว้สองธาตุ] อยู่แล้วล่ะก็ คงไม่ต้องอธิบายเหตุผลที่ [การควบคุมจุดศูนย์ถ่วงแบบสามขา] ไม่เข้ากับ [พิธีเวทสูตรไขว้หลายธาตุ] ใช่ไหม?
เอซโซ่: ดูถูกกันงั้นเหรอ? ยิ่งจำนานธาตุที่ร่ายพร้อมกันเพิ่มขึ้นมา ความผันผวนในการแทรกแซงแบบเกลียวหมุนก็จะยิ่งทวีคูณ ถึง [การควบคุมจุดศูนย์ถ่วงแบบสามขา] จะช่วยให้ร่ายได้สามธาตุพร้อมกันก็เถอะ แต่ถ้าเกินไปกว่านั้นแล้ว… ไม่สิ ก่อนหน้านี้แกพึ่งจะควบคุมห้าธาตุพร้อมกันได้สำเร็จนี่ ทำได้ยังไงกันล่ะนั่น?
รอสวาล: เข้าใจล่ะ อยากรู้คำตอบงั้นสินะ ย่อมได้ เดี๋ยวเฉลยให้เอง สเน่ห์ที่แท้จริงของเวทมนตร์อยู่ที่การมุ่งมั่นค้นคว้าด้วยตนเองกับการพิสูจน์แก่นแท้ของมนตราจากห้วงลึกนี่แหละ แต่ความทุ่มเทของนายคงยังไม่ถึงขั้นนั้น――
เอซโซ่: เดี๋ยวๆๆๆ …หุบปากไปก่อน! ห้าธาตุ การแทรกแซงแบบเกลียวหมุน การบีบย่อแบบสุดขั้ว… ไม่สิ พิธีเวทของหมอนี่เป็นแบบ [วงจรกระแสสมดุล] …ใช่แล้ว! การเรียงแบบซ้อนขนานของ [การควบคุมจุดศูนย์ถ่วงแบบสามขา]!
รอสวาล: ――!
เอซโซ่: สรุปคือ อาศัย [การควบคุมจุดศูนย์ถ่วงแบบสามขา] ในการร่ายมนตร์สามธาตุออกมาสองชุดแบบทับซ้อนกัน! จากในสามธาตุของชุดที่สองนั้น ใช้ธาตุตะวันที่ร่ายออกมาเสริมแกร่งเกทตนเองและนำแรงดันบรรจบที่เกิดจากการแทรกแซงแบบเกลียวหมุนมาเป็นแกนกลาง ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นการบีบย่อแบบสุดขั้วระหว่างสามธาตุกับสองธาตุ การที่สิ่งนั้นเป็นจริงได้ย่อมหมายถึง…
รอสวาล: ใช่ ถูกต้องเลยล่ะ! นั่นแหละคือเบาะแสสำคัญที่ช่วยพิสูจน์การมีอยู่ของ [จุดสั่นพ้องห้าชั้น]!
เอซโซ่: บ้าไปแล้ว!? ในขั้นตอนเดียวชั่วอึดใจนั้นต้องเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว! แค่ผิดพลาดตรงจุดไหนสักที่เดียว รับรองได้จบสิ้นเพราะการพังทลายแบบเกลียวหมุน! มีหวังช่องเขาอักซาดแห่งที่สองได้ก่อตัวขึ้นมาโดยมีแกเป็นจุดศูนย์กลางแหงเลย!?
รอสวาล: แต่ว่ามันก็ไม่ได้ลงเอยแบบนั้น ――นั่นแหละคือปลายยอดแห่งเส้นทางมนตราอันสูงส่งและห่างไกล
เอซโซ่: …
รอสวาล: กลัวรึเปล่า? เอซโซ่ คาโดน่าคุง
เอซโซ่: อา น่าสะพรึงกลัวชะมัด หมายถึงหัวใจของฉันที่ปรารถนาสิ่งนั้นล่ะนะ รอสวาล L เมเธอร์ส
ความเป็นคู่ปรับช่วยขัดเกลาสองจอมเวทให้เฉียบแหลมยิ่งขึ้น [อะไรบางอย่าง] ที่แปลกใหม่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาจากความพากเพียรของทั้งคู่
คลินด์: สีหน้ามีชีวิตชีวาอะไรเช่นนี้ ‘เกินคาด’
เพราะงั้นในฐานะมนุษย์มกรแห่ง [มังกรเทพ] วอลคานิก้า คลินด์จึงทุ่มเทสุดตัวที่แนวหน้าเพื่อเติมเต็มบทบาทที่เขาได้รับมอบหมาย
คุณค่าที่เขาเห็นในตัวมนุษย์นี่แหละคือเสาหลักซึ่งทำให้คลินด์มิเคยถูกปัจจัยแม่มดบาป [โศกา] ล่อลวงให้สละความเป็นไปได้เป็นค่าชดเชย
. รอสวาลไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับ “เอซโซ่ คาโดน่า” นัก เคยได้ยินแค่ว่าเขาเป็นจอมเวทกำมะลอที่ฝึกฝนเวทมนตร์ด้วยตนเองแบบไร้อาจารย์
แล้วก็ทราบว่าเอซโซ่คือเจ้าหน้าที่กิจการภายในที่พึ่งเข้าร่วมฝ่ายเฟลท์ได้ไม่นาน แต่ความสามารถโดดเด่นจนกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญ
ที่จริงเอซโซ่เคยมาหาเรื่องรอสวาลถึงคฤหาสน์ แต่ถูกพวกสุบารุจัดการได้ก่อน แถมรอสวาลดันชอบลืมเรื่องไม่สำคัญเพื่อเก็บสมองไว้จดจำเรื่องสำคัญเสียด้วย
ทว่า มุมมองที่ว่าเอซโซ่เป็นจอมเวทกำมะลอที่ไม่น่าจดจำนั้นก็พลิกกลับตาลปัตรยามที่รอสวาลได้ฟังทฤษฎีโครงสร้างเวทมนตร์ของเจ้าตัว
“เอซโซ่คือจอมเวทขนานแท้”
หลังได้ยืนยันเรื่องนั้น ทั้งคู่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำอะไรอีกต่อไป เอซโซ่ย่างก้าวเข้าสู่สนามรบและปล่อยให้รอสวาลพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บไปก่อน
ทั้งเวทมนตร์ มหาเวท และการปะทะระหว่าง [มังกร] กับมนุษย์มกรได้ก่อให้เกิดมานาตกค้างซึ่งเปลี่ยนสภาพอากาศให้กลายเป็นสีรุ้งที่สั่นกระเพื่อม
กระทั่งหลังจากที่รอสวาลเพลี่ยงพล้ำไปแล้ว คลินด์ก็ยังคงทะยานไปมาบนท้องนภาด้วยอัสนีสีม่วงและเผชิญหน้ากับ [มังกรเทพ] เพียงลำพัง
เอซโซ่: ทำไมถึงมองว่าเขาต่อสู้เพียงลำพังล่ะ? ดูเหมือนว่าแกจะเข้าใจอะไรผิดไปอยู่นะ
รอสวาล: …ว่ายังไงนะ?
เอซโซ่: คิดว่าจอมเวทต้องไร้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือไง? เปล่าเลย คุณค่าที่แท้จริงคือการผนวกกำลังต่างหากล่ะ!
. ฟองน้ำทรงกลมที่มีเศษหินบรรจุอยู่ภายในปรากฏออกมารอบตัวเอซโซ่ จากนั้นเขาก็ส่งพวกมันลอยขึ้นฟ้าตรงไปหาสนามรบของคลินด์กับ [มังกรเทพ]
การควบคุมฟองน้ำได้เป็นร้อยน่าประทับใจก็จริงอยู่ แต่รอสวาลมองว่ามันไร้ความหมายต่อหน้า [มังกร] แถมอาจจะไปขัดจังหวะคลินด์อีกด้วย
เอซโซ่: ขอย้ำอีกทีนะ รอสวาล ――แกน่ะเข้าใจผิดแล้ว
กลายเป็นว่าเอซโซ่มิได้ใช้ฟองน้ำเพื่อจู่โจม เขากระจายพวกมันออกไปทั่วเพื่อที่คลินด์จะได้ใช้เป็นแท่นดีดตัวยามที่สายฟ้าชนเข้ากับฟองน้ำจนระเบิด
จริงอยู่ว่าคลินด์เหาะเหินเดินอากาศได้เองอยู่แล้ว แต่เอซโซ่วิเคราะห์ว่าเดิมทีสายฟ้าของคลินด์มีไว้เพื่อจู่โจมกับป้องกัน เจ้าตัวแค่ประยุกต์พลังได้เก่ง
เพราะงั้น พองเอซโซ่ช่วยแบ่งเบาภาระในการเคลื่อนไหวกลางเวหา การโจมตีแบบไม่ต้องกั๊กพลังของคลินด์จึงทั้งรุนแรง รวดเร็ว และเฉียบคมขึ้นทันตา
รอสวาลอึ้งเพราะเขานึกว่าการสนับสนุนด้วยฟองน้ำของเอซโซ่มันอ่านทางได้ง่ายกว่ายามที่คลินด์ดีดตัวกลางอากาศด้วยสายฟ้าตนเอง
หารู้ไม่ว่าคลินด์นั้นเก่งกาจพอที่สลับเปลี่ยนระหว่างฟองน้ำกับสายฟ้าสีม่วง ผลลัพธ์จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกและสับขาหลอกศัตรูไปพร้อมกัน
ความสามารถประเมินผู้คนของรอสวาลยังบกพร่องอยู่ การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ต้องเกื้อหนุนในส่วนที่ขาดไปด้วย มิใช่แค่เชื่อมั่นก็พอ
เอซโซ่ชี้ให้เห็นว่าวิธีการของรอสวาลอาจรวมพลังเต็มร้อยของเขากับคู่หูเป็น 200 ได้ แต่มิอาจทำให้พลังของตนเองกับคู่หูทวีคูณกลายเป็นพัน
. ทุ่งราบแห่งนี้มีเศษหินให้ใช้แบบเหลือเฟือ ดังนั้น ต่อให้คลินด์จะกระโจนตัวด้วยความเร็วที่มองไม่ทันด้วยตาเปล่า เอซโซ่ก็ยังเติมฟองน้ำได้เรื่อยๆ
อัลเตอร์: ชิ ก็ว่าทำไมอยู่ๆ แยบยลขึ้น ฝีมือคุณอาจารย์เองหรอกเรอะ!
พอรู้ตัวว่าแท่นดีดตัวนับไม่ถ้วนเป็นฝีมือของเอซโซ่ [มังกรเทพ] ก็กวาดฟองน้ำนับร้อยทิ้งด้วยกรงเล็บมังกรและเตรียมพ่นลมหายใจใส่สองจอมเวท
คลินด์: ไม่ขอแนะนำให้ละสายตา ไม่งั้นจะโดนแบบนี้ ‘ยกตัวอย่าง’
ตอนนั้นเองที่คลินด์กระโดดถีบขาคู่เสยใต้ขากรรไกรจากมุมต่ำ ส่งผลให้ลมหายใจระเบิดคาปาก [มังกร] จนฟันของมันหักกระเด็นหลายซี่
[มังกรเทพ] ผู้เดือดดาลจึงเตรียมร่ายมหาเวทเลียนแบบรอสวาลเพื่อกวาดล้างทั้งสนามรบ เพราะยังไงตัวมันเองก็มีรัศมีมังกรช่วยป้องกันอยู่แล้ว
ฝั่งคลินด์เองก็สามารถใช้อัสนีสีม่วงเป็นเกราะป้องกันได้ รอสวาลกับเอซโซ่จึงกลายเป็นผู้ตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากขาดวิธีการรับมือมหาเวทระดับนั้น
รอสวาล: ――ถ้างั้นล่ะก็ แค่ระเบิดทิ้งกลางอากาศก็เรียบร้อย
เคราะห์ดีที่นอกเหนือจากมานาที่ร่ายออกมาแบบสะเปะสะปะแล้ว ยังมีฟองน้ำจำนวนมหาศาลที่สร้างขึ้นโดย [วงจรกระแสรวมศูนย์] อยู่ด้วย
――รอสวาลจึงทำการแทรกแซงและเขียนแก้โครงสร้างของเวทมนตร์บทนั้น
เอซโซ่: นี่แก นั่นเวทมนตร์ของฉันนะเฟ้ย!?
รอสวาล: เวทมนตร์มิได้มีผู้ใดเป็นเจ้าของ เส้นทางนั้นเปิดกว้างอยู่เสมอ ――คำสอนจากอาจารย์ของฉันเอง
. ฟองน้ำที่ถูกช่วงชิงสิทธิ์การควบคุมรวมตัวกันพร้อมทั้งดูดมานาโดยรอบเข้ามาหาจนเกิดเป็นการบีบย่อแบบสุดขั้วซึ่งขัดขวางการร่ายมหาเวทของ [มังกรเทพ]
ผลลัพธ์ก็คือปฏิกิริยาการพังทลายแบบเกลียวหมุนที่เอซโซ่หวาดหวั่น เกิดการระเบิดสีรุ้งขึ้นซ้ำอีกรอบบนท้องนภาที่สภาพพังทลายอยู่แล้ว
คลื่นความร้อนและความเย็นปะทะกัน ส่งผลให้เศษหินหลอมละลาย เยือกแข็ง และแตกสลาย อัสนีผ่าซ้ำจนกลายเป็นผง แล้วสายลมก็พัดผงปลิวไปไกลหลายกิโลเมตร
เอซโซ่: เสียสติไปแล้วหรือไง แกน่ะ!? พวกพ้องคนนั้นเกือบโดนระเบิดเป็นจุลไปด้วยเลยนะเฟ้ย!?
รอสวาล: แต่ว่า นายก็ปกป้องไว้ได้ ――นี่คือสิ่งที่นายเรียกว่าการผนวกกำลังช่ายหมายยยล่า?
รอสวาลคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าเอซโซ่จะอ่านเจตนาของตนออก เขาปกป้องคลินด์จากแรงระเบิดโดยการร่ายมนตร์วารีหลายชั้นคลุมร่างไว้
ตัวคลินด์เองก็ทึ่งในความใจโฉดของเจ้านายผู้เดิมพันอย่างบ้าบิ่น แต่ถ้าหากคู่หูของเขามิใช่เอซโซ่ รอสวาลคงจะไม่กล้าเสี่ยงแน่นอน
รอสวาล: เอซโซ่ คาโดน่าคุง
เอซโซ่: ――อะไรเล่า รอสวาล L เมเธอร์ส
รอสวาล: ――ขอความช่วยเหลือหน่อย อยากให้ช่วยในการบุกเบิกเวทมนตร์บทใหม่ที่ยังมิเคยมีมาก่อนในโลกนี้
รอสวาลรู้ตัวดีว่าตนขี้ขลาดถึงเพียงใด เพราะไม่มีผู้ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเวทมนตร์คนใดกล้าปฏิเสธคำร้องขอนั้นอย่างแน่นอน
. เอซโซ่: ไอ้บ้าๆๆ ไอ้ต่อมน้ำตาบ้าบอ อย่ามาทำงานตอนนี้สิ อู้งานไปซะ
เอซโซ่ คาโดน่าผู้น้ำคลอเบ้าโดยมิได้ตั้งใจกล่าวตำหนิร่างกายตนเอง ทั้งที่ปกติเขาเกลียดความขี้เกียจหรือการอู้งานมากแท้ๆ
เผ่าคนแคระนั้นมีทั้งกำลังกายและเกทที่ด้อยกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ก็เลยต้องพยายามมากกว่าชาวบ้านหลายเท่าตัวหากอยากประสบความสำเร็จ
ข้อดีเดียวของเผ่าคนแคระคือพวกเขามีโอกาสสุ่มได้พรคุ้มครองตอนเกิดสูงกว่าเผ่าอื่น แต่เอซโซ่ก็ดันไม่ถูกหวยเหมือนสหายร่วมฝ่ายอย่างแคมบาลี่
เอซโซ่เป็นน้องคนเล็กสุดจากพี่น้องสิบคน พวกพี่ชายกับพี่สาวของเขามีพรคุ้มครองกันถ้วนหน้าและเอาแต่หวังพึ่งพรกันหมด
กระนั้นเอซโซ่ก็ไม่อยากที่จะโทษเผ่าพันธุ์หรือโชคชะตาของตนเองแล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความเกียจคร้าน เขาอยากจะลิขิตชะตาของตนเอง
ด้วยเหตุนั้นเอง หลังจากที่เขาค้นพบตำราเวทมนตร์เปรอะฝุ่นในร้านแผงลอย เอซโซ่ คาโดน่าจึงสาบานที่จะทุ่มเททั้งชีวิตของตนในเส้นทางสายนี้
. รอสวาลคือปรมาจารย์เวทแห่งราชสำนักผู้ถือครองตำแหน่ง [สีสัน] หลากสีในฐานะผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์สามธาตุมากที่สุดในราชอาณาจักร
ในอดีตเอซโซ่เคยทำตัวโง่เขลาโดยการไปท้าทายรอสวาลเพราะหลงนึกว่าเขาได้รับตำแหน่งเหล่านั้นมาด้วยเส้นสายของตระกูล
ดันหลงผิดเพราะรอสวาลไม่เคยใช้ความสามารถของตนเพื่อสั่งสอนหรือชี้แนะจอมเวทคนอื่น เอซโซ่รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่งหลังได้พบรอสวาลตัวจริง
ทั้งที่หลงคิดว่าตนพากเพียรพยายามยิ่งกว่าใครในรุ่นเดียวกัน แต่แล้วระยะห่างระหว่างเอซโซ่กับรอสวาลกลับต่างชั้นกันราวกับว่าเขาห่างไกลอยู่หลายร้อยปี
กระนั้นเอซโซ่ก็ไม่เคยคิดที่จะโทษเผ่าพันธุ์ พรสวรรค์ หรือชาติกำเนิด เขาเพียงแค่ยอมรับความเป็นจริงว่าตนด้อยกว่ารอสวาล
เพราะงั้นคำร้องขอจากรอสวาลจึงทำให้เอซโซ่น้ำตาคลอเบ้า เขาดีใจเหลือเกินที่ค้นพบผู้ที่ก้าวเดินบนเส้นทางเดียวกันและพากเพียรเสียยิ่งกว่าตน
พื้นฐานของเวทมนตร์คือการนึกภาพผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นให้ชัดเจน ดังนั้น เวทมนตร์จึงไร้คำลวง การได้เห็นเวทมนตร์นั้นเพียงพอต่อการทุกสิ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายแล้ว
. เอซโซ่: ――นี่ เข้าใจใช่ไหม รอสวาล
รอสวาล: …อา เข้าใจสิ เอซโซ่ คาโดน่าคุง
มานาที่กระจุกตัวแน่นเปลี่ยนทิวทัศน์ให้เป็นสีขาว เสียงก็เงียบหายไปจนเอซโซ่ไม่มั่นใจว่าตนได้ส่งเสียงพูดออกไปไหม กระนั้นอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
ยามที่สองจอมเวทถักทอเวทมนตร์ร่วมกัน จิตสำนึกของทั้งคู่ก็ประสานรวมเป็นหนึ่งเดียวจนได้ยินเสียงเต้นจากหัวใจของอีกฝ่าย
เอซโซ่สัมผัสได้ถึงประสบการณ์อันเดียวดายของรอสวาลผู้แซงหน้าจอมเวทคนอื่นไปไกลเพื่อไต่เต้าไปให้ถึงปลายยอดของเส้นทางสายนี้
หากเป็นเรื่องความเพียรพยายาม เขามั่นใจว่าไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน เพราะงั้นเอซโซ่จึงประกาศกร้าวว่าตนจะไล่ตามรอสวาลให้ทันอยู่เสมอ
เอซโซ่: แกน่ะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุสามสีคือ [แดง] [เขียว] แล้วก็ [เหลือง] ทว่า ตำแหน่ง [ฟ้า] ถูกมอบให้แก่คุณเฟลิคซ์ อาร์ไกล์ ส่วนตำแหน่ง [ขาว] และ [ดำ] ยังคงว่างอยู่ ――เข้าใจที่จะสื่อไหม?
รอสวาล: …
เอซโซ่: รู้ไหมว่าตัวฉันถูกขนานนามเยี่ยงไร [สีเทา] เอซโซ่ คาโดน่ายังไงล่ะ คิดว่าสีเทามีส่วนผสมของสีอะไรบ้างล่ะ ――รอสวาล ฉันจะไล่ตามแกให้ทันเอง
เพื่อเป็นการแสดงความซาบซึ้งต่อสุดยอดจอมเวทผู้ร้องขอให้เขาช่วย เอซโซ่ คาโดน่าจึงประกาศออกมาว่า…
เอซโซ่: ――แกน่ะไม่ได้ก้าวเดินอยู่เพียงลำพังบนเส้นทางสายนี้หรอก
. คลินด์เปลี่ยนจากการ [กระโจนตัว] เป็นการถีบเวหาเพื่อพุ่งทะยานไปตามท้องฟ้าสีเทาขาวพลางหลบหนีกรงเล็บที่ฉีกมิติจนเกิดสุญญากาศ
[มังกรเทพ] กระพือปีกสร้างกระแสลมรุนแรงออกมาพร้อมกับลูกแก้วแสงนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่เต็มฟ้าเหมือนละอองดาว
คลินด์ตอบโต้ด้วยอัสนีสีม่วงที่เจาะทะลวงลูกแก้วแสงจนระเบิดหายเกลี้ยง ไม่ปล่อยให้ความเสียหายมาถึงตัวเขาหรือลงไปหาสองจอมเวทเบื้องล่าง
ต่อจากนั้นดวงดาวของจริงบนฟากฟ้าก็ถูกแรงดึงดูดมหาศาลกระชากให้ร่วงลงมาสู่โลกา คลินด์จึงรีบขี่สายฟ้าพุ่งขึ้นไปขจัดฝนดาวตก
ในขณะเดียวกัน [มังกรเทพ] ก็พ่นลมหายใจสวนทางกับคลินด์ที่ทะยานขึ้นสูง ทว่า มันมิได้เล็งใส่สองจอมเวท หากแต่เป็นดินแดนที่อยู่ไกลออกไป
. รอสวาล: ――อัล เซ็กซ์เต็ต
คำร่ายมนตร์นั้นสะเทือนไปถึงสรวงสวรรค์ มานาที่ให้กำเนิดโลกใบนี้ถูกเติมเต็มด้วยสีทั้งหกที่เริ่มเกาะตัวและผสานเข้าหากัน
โลกที่ไร้สีสันถูกใช้เป็นสื่อกลางเพื่อป้องกันมิให้พิธีเวทพังทลายจากการแทรกแซงระหว่างธาตุ ก่อกำเนิดเป็นวงจรอันงดงาม
มานาหกสีผสานรวมเป็นเสาสีรุ้งหนึ่งต้นที่มิได้มีคุณสมบัติของธาตุใดธาตุหนึ่ง เสาที่เป็นรากฐานแห่ง [เวทมนตร์] ทะลวงผ่าน [มังกรเทพ]
กรงเล็บ ปีก และลมหายใจที่พยายามต่อต้านถูกดูดกลืนไปเป็นเชื้อเพลิงให้แก่เสาสีรุ้งที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง เส้นแบ่งระหว่างโลกและสวรรค์ถูกผ่าจนแยก
กระทั่ง [จอมเวทผู้บุกเบิก] และ [แม่มดแห่งโลภะ] ยังมิเคยสร้างปรากฏการณ์นี้ได้สำเร็จนับตั้งแต่ที่ระบบของเวทมนตร์ถือกำเนิดขึ้นมา
――ท่ามกลางโลกที่เสียงเลือนหายไปนั้น รัศมีมังกรของ [มังกรเทพ] ได้ถูกทำลายลง
. คลินด์: ――ตรวนผนึก ปลดขั้นที่สาม
ทันใดนั้นเอง อัสนีสีม่วงก็พุ่งทะลวงเสาสีรุ้งราวกับลูกศรที่มุ่งหน้าตรงไปหา “เกล็ดย้อน” จุดอ่อนเล็กจิ๋วเพียงหนึ่งเดียวบนร่างของ [มังกรเทพ]
คลินด์: ขอขอบพระคุณ ――‘ซาบซึ้ง’
หลังจากที่ทะยานเข้าไปดุจอุกกาบาตที่มีสายฟ้าพุ่งตามหลัง กำปั้นของคลินด์ก็เจาะทะลวงเกราะป้องกันด่านสุดท้ายของ [แกนวิญญาณ]
แถบสีขาวพุ่งทะยานไปทั่วร่างของเจ้ามังกรพร้อมกับเสียงแตกร้าว [มังกรเทพ] ผู้ยอมรับชะตากรรมได้แต่เพียงเขี่ยกรงเล็บข้างศีรษะซึ่งมิได้สวมหมวกเหล็กอยู่
อัลเตอร์: ชิ น่าสมเพชชะมัด… อุตส่าห์มีแต้มต่อขนาดนี้ก็ยังแพ้ ไม่มีหน้าไปโทษ..ดวงดาว..ด้วยซ้ำ…
ผู้ปกครองผืนนภาสบถทิ้งท้ายอย่างไม่เหมาะสม ก่อนที่ร่างของมันจะถูกแรงดึงดูดกระชากลงสู่ผืนดินเบื้องล่าง
ศึกปะทะผู้ช่วงชิงเปลือกมังกรของ [มังกรเทพ] วอลคานิก้าสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
. จบตอน