หลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือน ในที่สุดสุบารุก็ได้กลับมาเยือน [มิรูล่า] เมืองหน้าด่านสุดวังเวงที่อยู่ใกล้เนินทรายออกุเลียที่สุด
ตามกำหนดการดั้งเดิม กลุ่มของสุบารุควรจะมาแวะที่เมืองมิรูล่าตอนขากลับจากหอสังเกตการณ์เพลอาเดส แต่เพราะตัวเขาดันถูกส่งไปวอลลาเคีย ทุกอย่างเลยรวนไปหมด
เจ้าของร้าน: …ยินดีต้อนรับ สู่ใจกลางลมทะเลทราย
ชายหน้าดุที่กำลังเช็ดแก้วน้ำกล่าวต้อนรับสุบารุกับเด็กสาวอีกสองคนที่เข้าภายในร้านของเขา สุบารุทำการปัดทรายทิ้งที่หน้าทางเข้าก่อนที่จะไปนั่งตรงเคาน์เตอร์
เจ้าของร้าน: สั่งอะไรไหม?
สุบารุ: มิลค์ แบบเย็นนะ
เบียทริซ: มิลค์ แบบร้อนกระมัง
เพทร่า: มิลค์ ฉันขอแบบร้อนเหมือนกันก็ได้ค่ะ
เจ้าของร้านขมวดคิ้วที่ทั้งสามมาดันสั่งนมจากร้านเหล้า แต่สุดท้ายเขาก็อุ่นนมให้ตามคำขอลูกค้าโดยที่ไม่บ่นสักคำ
.
สุบารุเดินทางมาเมืองมิรูล่ารอบนี้โดยที่หลีกเลี่ยง [ห้วงเวลาทราย] แต่ก็มิวายต้องเจอกับเศษทรายที่ปนอยู่ในสายลม ทำให้ต้องสวมผ้ากันทรายปิดปากเวลาที่อยู่ข้างนอกอยู่ดี
เพทร่าเองก็มีทรายติดผมเต็มไปหมด เธอจึงต้องไปหวีทรายออกหลังจากนี้ ส่วนเบียทริซที่เป็นวิญญาณสามารถรีเซ็ตรูปลักษณ์ตัวเองเพื่อทำความสะอาดเพียงแค่ปรบมือได้อยู่แล้ว
กระนั้นสุบารุก็ชอบหวีผมให้เบียทริซและจัดทรงกลับเป็นดริลทวินเทลทุกเช้าอยู่ดี เบียทริซถึงกับงอนแก้มป่องที่สุบารุกับเพทร่ามองผมและแก้มของเธอเป็นเหมือนของเล่น
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เบียทริซอ่านบรรยากาศไม่เป็นจนเดินตามสุบารุเวลาที่เขาเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันเธอเขินอายเวลาที่ถูกจิ้มแก้มในที่สาธารณะ
ระหว่างที่สุบารุอุ้มเบียทริซมานั่งตัก เพทร่าก็เอียงศีรษะมาพิงไหล่เขาพลางหัวเราะคิกคัก
.
เจ้าของร้านที่นำนมร้อนกับนมเย็นมาเสิร์ฟพึ่งนึกออกว่าเขาเคยเจอสุบารุมาแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นสุบารุมาที่ร้านของเขากับเอมิเลีย
เจ้าของร้าน: …พอดีได้ยินมาน่ะ เห็นว่ามีใครบางคนไปถึงหอคอยของ [นักปราชญ์] ได้สำเร็จ แล้วก็ได้ยินว่า อีกไม่นานกลุ่มคนจากนครหลวงจะเดินทางไปที่หอคอยแห่งนั้นเหมือนกัน ――สรุปไปถึงที่นั่นรึเปล่า?
สุบารุจิบนมพลางชำเลืองดูขาเทียมของเจ้าของร้าน ชายคนนี้เคยเป็นผู้ที่พยายามจะพิชิตหอคอยเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะอยากรู้ผลลัพธ์การเดินทางของพวกสุบารุ
สุบารุ: โอ้ ไปที่หอคอยแล้วก็ได้เจอกับ [นักปราชญ์] มาแล้วล่ะ ――เป็น [นักปราชญ์] จอมโหวกเหวกทีทั้งใกล้ชิดเกินเหตุและน่ารักเลยแหละ พอดีมีธุระอยู่นิดหน่อย จากนี้ไปเลยจะทำการแอคแทคครั้งที่สองล่ะ
สุบารุให้คำตอบเช่นนั้นพลางฉีกยิ้มและชูนิ้วโป้งให้เจ้าของร้าน
.
การพาอัลไปยังหอสังเกตการณ์เพลอาเดส ณ เนินทรายออกุเลีย เพื่อให้เขาได้อ่าน [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ของพริสซิลล่า บาริเอล คือหนทางเดียวที่สุบารุสามารถช่วยเหลืออัลได้
แน่นอนว่าพริสซิลล่าคงไม่ชอบใจต่อทางเลือกนี้นัก แต่มันคือหนทางเดียวที่อัลจะได้รับรู้ความคิดสุดท้ายของเธอและเอาชนะความสิ้นหวังเพื่อกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ถ้าหากสุบารุตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญไปตลอดกาลแบบเดียวกับอัล เขาก็คงอยากที่จะทำแบบเดียวกันอย่างแน่นอน
ส่วนตัวสุบารุเองไม่ได้อยากอ่านคัมภีร์ของพริสซิลล่า เพราะเขามองว่าตนเองไม่เหมาะสม และต่อให้มีคุณสมบัติ เขาก็ทำใจอ่านไม่ลงอยู่ดี
สุบารุมองว่าผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและสมควรจะได้อ่าน [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ของพริสซิลล่าคงจะเป็นวินเซนต์ ยอร์น่า และอัล
.
ตอนที่สุบารุนำคำร้องขอจากอัลไปปรึกษาเพื่อนๆ รัมออกตัวปฏิเสธก่อนเลย เนื่องจากเธออยากให้เรมได้พักผ่อนและอยากที่จะอยู่เคียงข้างเรมในฐานะพี่สาว
ออตโต้เห็นพ้องกับรัม เขามองว่าทั้งสุบารุและเรมควรได้พักผ่อนหลังจากที่ผจญภัยอยู่ในจักรวรรดิมาตั้งนาน ไหนยังอาจจะมีผลกระทบจากการย้อนวัยและการกลับคืนร่างตกค้างอยู่อีก
เอมิเลียเข้าใจความรู้สึกของอัล แต่เธอกังวลเรื่องการให้สุบารุเดินทางกลับไปที่หอคอยเช่นกัน เอมิเลียกลัวว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่สุบารุถูกส่งไปที่อื่น อย่างเช่น “กุสเทโก้” อีก
แม้จะเข้าใจเหตุผลของทั้งสอง แต่สุบารุก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่าเขาจะต้องพาอัลไปที่หอสังเกตการณ์ให้ได้ สุดท้ายออตโต้กับเอมิเลียจึงต้องฝากฝังให้การ์ฟีลกับเบียทริซช่วยตามประกบดูแลสุบารุแทนพวกตน
เนื่องจากว่าทั้งคู่ต้องเดินทางไปที่นครหลวงเพื่อรายงานเรื่องพริสซิลล่าและการเข้าไปแทรกแซงศึกระหว่างจักรวรรดิกับ [มหาภัยพิบัติ] ตามคำขอจากจักรพรรดิก่อน
หลังจากนี้ไม่นาน รายงานจากพวกเอมิเลียจะต้องทำให้ราชอาณาจักรลูกุนิก้าและการคัดกษัตริย์สั่นคลอนและโกลาหลอย่างแน่นอน
.
เพทร่าเสนอตัวขออาสาเดินทางไปช่วยดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนระหว่างการเดินทางและภายในหอคอยในฐานะตัวแทนสาวใช้ของฝ่าย
เพทร่า: ครั้งนี้ฉันจะทำตัวให้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนค่ะ! ท่านพี่เฟรเดริก้ากับท่านพี่รัม รบกวนช่วยดูแลคฤหาสน์กับพวกท่านพี่เอมิเลียทีนะคะ!
เฟรเดริก้า: คะ…ค่ะ …กระตือรือร้นสุดๆ เลยนะคะเนี่ย
เพทร่า: แน่นอนค่ะ! เพราะว่าถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เลยไม่ขอเกรงใจอีกแล้วค่ะ!
หลังยืนยันสมาชิกกลุ่มเดินทาง สุบารุหันไปคุยกับเรมทิ้งท้าย หลังจากนี้เรมจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์รอสวาลหลังใหม่เพื่อรื้อฟื้น [ความทรงจำ]
สุบารุแอบเสียดายที่เขาต้องพลาดการรื้อฟื้นความทรงจำของเรม แต่ในเวลานี้เขาจำเป็นให้ความสำคัญกับเรื่องของอัลมากกว่า
สุบารุบอกเรมว่าเธอรื้อฟื้นความทรงจำให้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องรอเขาได้เลย เพราะว่าเขาไม่จะอยากขัดสิ่งที่เรมต้องการ
แต่เรมแลบลิ้นและเหน็บกลับว่าไม่ว่าสุบารุจะทำอะไร มันก็กระทบตัวเธอทั้งนั้นแหละ ซึ่งคงเป็นวิธีการผลักดันให้สุบารุจดจ่อกับการเดินทางในแบบของเธอ
.
ตัดกลับมาปัจจุบัน คุณลุงเจ้าของร้านนิ่งเงียบไปหลังได้ฟังเรื่องที่สุบารุเล่า ทำเอาเขานึกว่าตัวเองเผลอพูดอะไรผิดไป ส่วนเบียทริซเดาส่งๆ ว่าลุงแกอาจจะอึ้งที่สุบารุกินนมเลอะจนเป็นคราบหนวด
เจ้าของร้าน: งั้นเรอะ งั้นเอง…เหรอเนี่ย… เอาสิ ทำได้เยี่ยมมาก วันนี้ชั้นขอเลี้ยงเอง!
สุบารุ: เอาจริงดิ! ถ้างั้น ไหนๆ ก็จะต้องซื้อเสบียงสำหรับเดินทางข้ามทะเลทรายอยู่แล้ว ขอรับอาหารที่มีทั้งหมดในร้านไปเลยนะ!
เจ้าของร้าน: ได้คืบอย่าเอาศอกสิฟะ!
ทั้งสองหัวเราะเฮฮากัน ลุงเจ้าของร้านจะชำเลืองมองดูสาวน้อยสองคนที่มากับสุบารุ เขาคงกำลังสงสัยว่าเอมิเลียที่มาด้วยกันเมื่อคราวก่อนหายไปไหน
สุบารุบอกว่าเอมิเลียปลอดภัยดี แค่ไม่ได้มาด้วยกันในคราวนี้ ทำให้ลุงเจ้าของร้านโล่งใจขึ้น แต่เขาก็แอบกังวลเรื่องความพร้อมในการเดินทางคราวนี้ของกลุ่มสุบารุ
.
เบียทริซออกตัวว่าคราวก่อนเธอก็มาด้วย แค่ไม่ได้แวะมาที่ร้านเพราะต้องรักษาคนอื่นอยู่ ส่วนเพทร่าพึ่งมาเป็นครั้งแรก แต่เธอจะพยายามไม่ให้น้อยหน้าเอมิเลีย
พอได้ยินคำพูดที่แสนพึ่งพาได้ของเด็กสาว สุบารุก็เอื้อมมือไปหวังลูบหัวเธอ แต่แล้วเพทร่ากลับคว้ามือของเขาไว้เสียก่อนจนสุบารุแอบตะลึง
เพทร่า: สุบารุ เมื่อกี้คิดจะลูบหัวฉันงั้นเหรอคะ
สุบารุ: อ้าว? ก็ใช่อยู่หรอก… ไม่ชอบเหรอ?
เพทร่า: …ก็ไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? สุบารุน่ะ เคยลูบหัวท่านพี่เอมิเลียกับท่านพี่เรมหรือเปล่า?
พอนึกย้อนดูแล้ว สุบารุเคยลูบหัวเรมมาก่อน แต่ถ้าเป็นเรมคนปัจจุบัน ขืนไปลองลูบหัวเธอรับรองว่าเขาถูกจับหักแขนแหงเลย ส่วนกรณีเอมิเลียนั้น สุบารุไม่เคยมีความคิดอยากลูบหัวเธอเลยด้วยซ้ำ
สุบารุ: เปล่านะ มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ไม่อยากลูบหัวสองคนนั้นน่ะ ไม่ลูบหรอก
เพทร่า: ถ้างั้นก็ ไม่ต้องลูบหัวฉันเหมือนกันค่ะ
สุบารุ: ถามจริง!?
เพทร่า: พูดจริงสิ
เพทร่าปัดแขนเขาทิ้งพร้อมทั้งหันหน้านี้ ทำเอาสุบารุช็อคจนคิดว่าเพทร่าคงเข้าสู่ช่วง “วัยต่อต้าน” แบบกะทันหัน
ด้วยความสงสาร เบียทริซจึงปลอบใจสุบารุด้วยการให้เขาลูบหัวเธอได้อย่างเต็มที่ โดยมีข้อแม้ว่าสุบารุต้องลูบหัวแบบที่ไม่ทำให้เบียทริซรำคาญเท่านั้น
.
ลุงเจ้าของร้านมองดูสุบารุที่ลูบหัวเบียทริซสบายใจเฉิบกับเพทร่าที่จ้องเขม็งและเหน็บแนมสุบารุไปด้วย เขาอดกังวลไม่ได้ว่ากลุ่มของสุบารุจะฝ่าทะเลทรายรอบที่ 2 ไหวไหม
การพิชิตเนินทรายออกุเลียจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค 3 อย่าง ประกอบด้วย
-
[ห้วงเวลาทราย] ที่พายุทรายจะรุนแรงเป็นพิเศษ
-
ฝูงสัตว์มารที่อาศัยอยู่ภายในเนินทราย
-
ชอล่า มือปืนแต่งตัวโป๊ที่ปัจจุบันไม่อยู่แล้ว
พวกสุบารุต้องเผชิญหน้ากับ [ห้วงเวลาทราย] อีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือฝูงสัตว์มาร ซึ่งทางสุบารุได้นัดเจอกับบุคคลที่เป็น “มาตรการรับมือ” เอาไว้แล้ว
เมลี่: ――โธ่ แถวนี้ยังมีทรายอยู่ทั่วทุกที่ไม่เปลี่ยนเลยน้า~
สาวน้อยผมสีน้ำเงินถักเปียในชุดสีดำปรากฏตัวที่หน้าทางเข้าร้าน พอเธอสังเกตเห็นสายตาจดจ้องมาจากทางเคาน์เตอร์ สาวน้อยก็ฉีกยิ้มออกมา
เมลี่: ไงคะ พี่ชาย ดีใจที่กลับมาได้อย่างปลอดภัยน้า เพทร่าจังกับเบียทริซจังก็ด้วย ท่าทางจะสบายดีสินะค้า~
ระหว่างที่ “เมลี่ โพทรูท” โบกมือทักทายทุกคนในร้าน แมงป่องน้อยสีแดงก็โผล่มาเกาะศีรษะของเด็กสาวและส่ายหางของมันตามจังหวะโบกมือ
สุบารุ: เด็กคนนั้นนี่แหละคือพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของพวกเราในการพิชิตเนินทรายออกุเลียล่ะ
เจ้าของร้าน: เจ้าหนุ่มจอมเฮฮา…กับสาวน้อยสามคน… นี่หรือว่าหอคอยแห่ง [นักปราชญ์] มันจะไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างที่ชั้นคิดกันนะ?
ไม่แปลกใจเลยที่ลุงเจ้าของร้านจะทำใจเชื่อได้ลำบากว่าบุคคลกลุ่มนี้คือผู้ที่เคยพิชิตหอสังเกตการณ์เพลอาเดสมาแล้ว สุบารุเองก็ได้แต่เกาแก้มตนเองพลางลูบหัวเบียทริซเพื่อแก้เขิน
.
จบตอน